สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนก่อนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ 11 พ.ค.
- สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1) ความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในการลงทุนที่จะลดลงจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตึงตัวมากขึ้น (เร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดงบดุล) 2) ความกังวลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (สงครามยูเครนและปิดเมืองที่จีน) กระทบต่อผลประกอบการในอนาคต 3) การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำให้จิตวิทยาการลงทุนอยู่ในภาวะระวังต่อความเสี่ยง (risk-off) ทั้งนี้สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เม.ย.ในวันที่ 11 พ.ค. ซึ่งตลาดคาดจะเห็นเงินเฟ้อที่ชะลอลงเป็น 8.1% (จากมี.ค.ที่ 8.5%) ซึ่งหากเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด เราอาจเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ชะลอตัวลงจากระดับ 3.0-3.5% ซึ่งอาจจะทำให้การปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสชะลอตัวลง
- ตลาดเงินดิจิตัลปั่นป่วน ระวังหุ้นที่เกี่ยวข้อง สกุลเงินดิจิตัลปรับตัวลดลงจากความกังวลสภาพคล่องที่จะหายไปจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้งนี้การปรับฐานของสกลุลเงินดิจิตัลจํานวนมากสร้างแรงกดดันต่อกลไกการรักษาราคาของสกุลเงินดิตัลที่มีกลไกการคงมูลค่า (stable coin) ซึ่งแม้จะมีกลไกการทำงานที่ดี แต่ในกรณีที่ราคาของสินทรัพย์สำรองลดลงอย่างรวดเร็ว หรือกลไกการทํางานเริ่มผิดปกติจนต้องมีการเทขายสินทรัพย์สำรองเพื่อใช้รักษาระดับราคา จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อเหรียญที่เกี่ยวกันเป็นลูกโซ่ ดังนั้นนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังหุ้นที่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตัลในระยะสั้น (ทั้งลงทุนและขุด) ทั้งนี้ควรติดตามผลประกอบการที่กำลังจะประกาศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ดิจิตัลที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาได้เช่นกัน
- ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มถูกดดัน ตราบใดราคาพลังงานยังสูง ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 6% หลัง EU ยังไม่มีมาตรการแบนน้ำมันจากรัสเซียที่เด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง 90-100 เหรียญฯ ทำให้การนำเข้าพลังงานต่อการนำเข้ารวมของไทยอยู่ที่ราว 20% ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้เกิดขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทในทิศทางอ่อนค่า โดยเฉพาะหากดุลบริการยังไม่สามารถกลับมาเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วจากการเปิดประเทศที่ยังต้องใช้เวลา ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินบาทจะบวกต่อหุ้นส่งออก พวกห้องเย็น อาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ (ควรซื้อหลังงบออก)
ประเด็นเก็งกำไรอื่น
1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE
2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR
3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO
4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART
5) กอง REIT ได้แก่ FIREIT, WHART
6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น
ภาพรวมกลยุทธ์: มีโอกาสปรับลงต่อ โดยรวมยังคงมุมมองระมัดระวังสำหรับไตรมาส 2/65 ที่อัพไซต์อาจจะจำกัด ยังคงกลยุทธ์ แค่เก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี โดยเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพง หรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก
หุ้นแนะนำ: OR, MAJOR, ASIAN
แนวรับ: 1,585-1,600 / แนวต้าน : 1,615 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
- กบน. กัดฟันตรึงดีเซลลิตรละ 32 บาท ต่ออีก 1 สัปดาห์ – ด้านคลังบรรจุวงเงินกู้ 3 หมื่นล้าน อุ้มกองทุนน้ำมันเข้างบปี 65
- ADVANC ค้านควบ TRUE-DTAC หวั่นเกมผูกขาด – ยันไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการที่เหลือ แถมผูกขาดตลาด ลดทางเลือกผู้บริโภค หาก กสทช. ไม่ระงับการควบรวม ต้องจ่ายเยียวยา ADVANC หลังต้องเสียเงินประมูลคลื่น 700 MHz 2 รอบ
- สธ.ลดเตือนภัยโควิด ระดับ 3 – โดยลดจาก 4 เหลือ 3 ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ขณะที่ 12 พ.ค. ชงผ่อนคลายมาตรการ “ผับ-บาร์” 1 ก.ค. พร้อมโรคประจําถิ่น
- บิ๊กล็อต BH รวมกว่า 1 หมื่นลบ. “สาธิต” ขายให้สถาบันการเงิน – ที่ราคาเฉลี่ย 151.50 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาหุ้นปิดเทรดที่ 162.50 บาท รายงานจาก BH เผยว่า นายสาธิต ประธาน PRINC ได้ทําบิ๊กล็อต เนื่องจากเป็นการถือเพื่อลงทุน เมื่อราคาปรับขึ้น จึงขายบางส่วนเพื่อมาชำระเงินกู้และเพื่อลงทุนต่อในอนาคต
- MSCI rebalancing – MSCI จะประกาศในวันที่ 12 พ.ค. รู้ผลเช้าวันที่ 13 พ.ค. โดยสื่อในประเทศรายงานหุ้นที่มีโอกาสเข้า MSCI Global Standard Index มากที่สุดคือ JMT หุ้นอื่นที่มีโอกาสเข้าคือ COM7, TTB, BANPU และ TIDLOR ขณะที่หุ้นที่มีโอกาสถูกปรับออก ได้แก่ BGRIM และ STGT
- ASIAN และบ.ย่อย ไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 248.35 ลบ. – กําไรต่อหุ้น 1Q22 ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 19.23% yoy เปรียบเทียบกับ 1Q21 ที่ 0.26 บาทต่อหุ้น
ประเด็นติดตาม: 10 พ.ค. ประธาน Fed ในหลายรัฐออกมาพูดให้ความเห็น / 11 พ.ค. – US CPI, ประมูลพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี / 12 พ.ค. – MSCI Rebalancing, US PPI, US Initial Jobless Claims
ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ
- เก็งกำไร OR* (31) : คาดผลประกอบการทยอยฟื้นตัวในช่วงสองถึงสามไตรมาสถัดไป ตัดขาดทุน 23.75 บาท
- เก็งกำไร MAJOR* (22) : กระแสเงินสดแข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และหน้าหนังที่ดี ตัดขาดทุน 20 บาท
- เก็งกำไร ASIAN* (19) : ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่า ตัดขาดทุน 15.90 บาท
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
Market News & Factors
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งหลุดจาก ระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (อินโฟเควสท์)
- ตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันจันทร์ (9 พ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นำโดยหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นได้กระตุ้นแรงเทขายหุ้น (อินโฟเควสท์)
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงมากกว่า 2% ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงิน (อินโฟเควสท์)
- ตลาดน้ำมัน: สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 6% ในวันจันทร์ (9 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ และบางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน (อินโฟเควสท์)
- ลูกชาย “มาร์กอส” ขึ้นบัลลังก์ว่าที่ผู้นำฟิลิปปินส์: นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ “บองบอง” บุตรชายอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้รับคะแนนเสียงราว 78.88% มากกว่าคู่แข่งคนสำคัญ คือ นางเลน โรเบรโด รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน (อินโฟเควสท์)
- กบน. กัดฟันตรึงดีเซลลิตรละ 32 บาท ต่ออีก 1 สัปดาห์: ด้านคลังบรรจุวงเงินกู้ 3 หมื่นล้านอุ้มกองทุนน้ำมันเข้างบปี 65 (กรุงเทพธุรกิจ)
- ADVANC ด้านควบ TRUE-DTAC หวั่นเกมผูกขาด: ยันไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการที่เหลือ แถมผูกขาดตลาด ลดทางเลือกผู้บริโภค ชี้หาก กสทช. ไม่ระงับการควบรวม ต้องจ่ายเยียวยา ADVANC หลังต้องเสียเงินประมูลคลื่น 700 MHz 2 รอบ (ข่าวหุ้น)
- สธ.ลดเตือนภัยโควิด ระดับ 3: โดยลดจาก 4 เหลือ 3 ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ขณะที่ 12 พ.ค. ซึ่งผ่อนคลายมาตรการ “ผับ บาร์” 1 ก.ค. พร้อมโรคประจำถิ่น (กรุงเทพธุรกิจ)
- บิ๊กล็อต BH รวมกว่า 1 หมื่น ลบ. “สาธิต” ขายให้สถาบันการเงิน: ที่ราคาเฉลี่ย 151.50 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาหุ้นปิดเทรดที่ 162.50 บาท รายงานจาก BH เผยว่า นายสาธิต ประธาน PRINC ได้ทำบิ๊กล็อตเนื่องจากเป็นการถือเพื่อลงทุน เมื่อราคาปรับขึ้น จึงขายบางส่วนเพื่อมาชำระเงินกู้ และเพื่อลงทุนต่อในอนาคต (อินโฟเควสท์)
- MSCI rebalancing: MSCI จะประกาศในวันที่ 12 พ.ค. รู้ผลเช้าวันที่ 13 พ.ค. โดยสื่อในประเทศรายงานหุ้นที่มีโอกาสเข้า MSCI Global Standard Index มากที่สุดคือ JMT หุ้นอื่นที่มีโอกาสเข้าคือ COM7, TTB, BANPU และ TIDLOR ขณะที่หุ้นที่มีโอกาสถูกปรับออก ได้แก่ BGRIM และ STGT (ข่าวหุ้น)
- ASIAN และบ.ย่อย ไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 248.35 ลบ.: กำไรต่อหุ้น 1Q22 ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 19.23% yoy เปรียบเทียบกับ 1Q21 ที่ 0.26 บาทต่อหุ้น (อินโฟเควสท์)
Report & Corporate News
- TU Maintained HOLD TP: 18.00 บาท: TU รายงานกำไรหลักใน 1Q22 ซึ่งต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดยลดลง 20.9% yoy และ 23.6% qoq เนื่องจากต้นทุนเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง สำหรับ 2Q22 เรายังคงคาดการณ์ว่าจะมีอุปสรรคต่อ ภาพรวมกำไรของ TU เนื่องจากราคาวัตถุดิบหลัก และค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งจะยังคงอยู่ในระดับสูง คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย: 18.00 บาท
- DCC: เผยผลงานไตรมาส 2/65 ทรงตัวจากไตรมาสแรก ฉุดงบครึ่งปีแรกใกล้เคียงช่วงเดียวกันปีก่อน แต่คาด รายได้ปีนี้เติบโต 5% หลังมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่ม 4 แห่ง พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% (ข่าว หุ้น)
- SIRI: บุกหนักแนวราบ ปีนี้เตรียมเปิด 28 โครงการ มูลค่ารวม 39,000 ล้านบาท ชูทาวน์โฮมแบรนด์ “สิริ เพลส” เป็นแบรนด์หลักปีนี้เปิด 10 โครงการ มูลค่า 7,700 ล้านบาท วางเป้ายอดขายกลุ่มทาวน์โฮม 5,000 ล้านบาท โตเกือบ 70% (ข่าวหุ้น)
- ADVANC: จับมือโรงพยาบาลวิมุต วางระบบเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ยกระดับสู่ Smart Hospital ฟากโรงพยาบาลวิมุต ทุ่ม 100 ล้านบาท ทยอยลงทุนดิจิทัลด้านการแพทย์ทั้งระบบ (ข่าวหุ้น)