บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action SELL (Downgrade)
TP upside (downside) -61.8%
Close May 10, 2022 Price (THB) 9.95
12M Target (THB) 3.80
Previous Target (THB) 3.80
What’s new?
- TEAMG ประกาศกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 18.4 ล้านบาท ลดลง 51% QoQ และ 14% YoY จากการรับรู้รายได้ที่ชะลอตัว เพราะยังมีหลายโครงการที่ไม่สามารถปิดงานได้ จากผลของความล่าช้าที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 ระบาด
- คาดกําไร 2Q65 จะทรงตัว QoQ และ YoY เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าจะเห็นการเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H65
Our view
- คงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 143 ล้านบาท +29% YoY และคาดกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 171 ล้านบาท +20% YoY
- คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 3.80 บาท และปรับลดคำแนะนําเป็น “ขาย” เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 227% YTD แต่ผลประกอบการไม่ได้เร่งตัวขึ้นตาม ส่งผลให้ PER2565 สูงถึง 47 แพงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เป็นเท่าตัว
TEAMG PCL งบ 1Q65 ไม่ดีเหมือนราคาหุ้น
กําไร 1Q65 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY
TEAMG ประกาศกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 18.4 ล้านบาท ลดลง 51% QoQ และลดลง 14% YoY ซึ่งเหตุผลหลักยังคงมาจากรายได้ที่ลดลงจากการขยายระยะเวลาโครงการใหญ่ของภาครัฐฯ ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ส่งผลให้การรับรู้รายได้ลดลง และมีการปรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของโครงการที่ขยายการดำเนินงานออกไป ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.7% ลดลงจาก 23.4% ใน 4Q64 และ 26.0% ใน 1Q64 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคิดเป็น 18.2% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 15.2% ใน 4Q64 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานในไตรมาสนี้ แต่ลดลงจาก 21.2% ใน 1Q64 จากความพยายามในการควบคุมค่าใช้จ่ายช่วงที่การรับรู้รายได้ยังชะลอตัว ส่งผลให้อัตรา กำไรสุทธิลดลงเป็น 4.4% ใน 1Q65 จาก 6.8% ใน 4Q64 และ 5.5% ใน 1Q64
Backlog ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ที่ 3,750 ล้านบาท
ปัจจุบัน TEAMG มี Backlog ทั้งในส่วนของงานที่ปรึกษาและงานอื่นๆ อยู่ราว 3.75 พันล้านบาท โดยในปี 2565 นี้ TEAMG ตั้งเป้ารับงานใหม่อีก 2.0 พันล้านบาท จากงานโครงการค้างท่อของรัฐบาลที่คาดว่าจะอนุมัติเร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งงานท่าอากาศยานในต่างจังหวัด และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำ เป็นต้น และมีงานที่คาดว่าจะได้รับใน 2Q65 คือ งานที่ปรึกษารถไฟรางคู่สายใหม่ งานที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทั้งบนดินและใต้ดิน รวมมูลค่างานราว 600 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้ Backlog ของ TEAMG สูงกว่า 4.0 พันล้านบาทได้ นอกจากนี้ยังมีงาน Non-Consulting ที่ TEAMG ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนที่กำไรจากกลุ่มนี้ขึ้น และคาดว่าจะเริ่มเห็น Synergy จากการได้รับงานใหม่ที่ทำร่วมกับกลุ่ม SCG ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นโครงสร้างรายได้โน้มเอียงมาทางธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2566
คงราคาเป้าหมายที่ 3.80 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย”
เราคงคาดกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY จากการรับรู้งานที่ชะลอตัวมาจากปี 2564 และคาดโตต่อเนื่องอีก 20% YoY เป็น 171 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งถ้าพิจารณาจากพัฒนาการของบริษัท ตั้งแต่ YTD เรายังไม่พบปัจจัยกระตุ้นผลประกอบการที่ทำให้เราต้องปรับประมาณการขึ้น และยังไม่มี Catalyst ใหม่ที่ทำให้ S-Curve การเติบโตของธุรกิจเปลี่ยนไปจากเดิม เราจึงยังคงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 3.80 บาท อิง PER ที่ 18 เท่า ซึ่งเป็นระดับ +1.0 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 15 เท่า ปัจจุบัน TEAMG ซื้อขายบน PER2565 ที่สูงถึง 47 เท่า ซึ่งถือว่าแพงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มงานที่ปรึกษาฯ และกลุ่มรับเหมาฯ ที่ระดับ 20-25 เท่า เราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย”