บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +33.6%

Close May 11, 2022 Price (THB) 61.75

12M Target (THB) 82.50

Previous Target (THB) 82.50

What’s new?

  • เรามีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร Guidance รายได้ USD เติบโต 6 ล้านเหรียญ QoQ ในช่วง 2Q-3Q65 ขณะที่ GPM ที่ Guidance ว่าจะฟื้นตัวช้า และต้องใช้เวลากว่าที่จะกลับไปที่ระดับ 30% เป็นปัจจัยที่เข้าใจได้ เพราะการขึ้นกำลังการผลิตใหม่ที่พลาดไปแล้วในการเลือก Vendor ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา

Our view

  • ในระยะยาว การเติบโตของ KCE ยังสดใส ตลาดยุโรปมีปัญหาจากภาวะสงคราม แต่ได้ตลาด US มาเพิ่มสะท้อนศักยภาพของบริษัทฯ หากผ่านพ้นช่วงลำบากไปได้ หุ้นมีโอกาสฟื้นตัวแรง
  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาทต่อหุ้น อิง PER Band 35.0x (+1.0SD) การขยายกำลังการผลิตรอบใหญ่ทำให้หุ้นสมควรซื้อ ขาย ที่อย่างน้อย +1SD

KCE ELECTRONICS GPM ที่อ่อนแอเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว

มุมมองเป็นกลาง … หลังการประชุมกับผู้บริหาร

1) ยอดขายรูป USD ใน 1Q65 ที่ 137.5 ล้านเหรียญ (+9.0% QoQ, +21.6% YoY) มาจาก Volume Growth และการขึ้นราคาขายราว 2%

2) GPM ใน 1Q65 ที่ทำได้เพียง 22.8% (-246bps QoQ, -219bps YoY) ต่ำกว่าคาดที่ 27.5% เกิดจาก Cost to sales ที่เพิ่มขึ้นราว 4.8% แบ่งเป็นผลกระทบสามส่วน ได้แก่ i) Overhead ที่เพิ่มขึ้นเพราะการขยายกำลังการผลิตต้องมีค่าใช้จ่าย Fixed Cost เพิ่มเติม ทั้งค่าพนักงาน ค่าไฟ ค่าเสื่อมราคา แต่การผลิตยังไม่ได้ประสิทธิภาพส่งผลกระทบต่อ GPM ราว 1% ii) ราคาวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นทองแดงขึ้นราว 2% Supply อื่นๆ ที่ราคาขึ้นตามราคา Community ที่เพิ่มขึ้นราว 0.8% และ iii) ค่าเงินบาท/USD ที่แข็งค่าราว 1% QoQ แต่การขึ้นราคาลดผลกระทบได้บ้างทำให้ผลกระทบสุทธิไม่สูงถึงระดับ 4.8%

3) แนวโน้มตั้งแต่ 2Q65 เครื่องจักรรายใหม่ที่ติดตั้งมีอัตราการผลิตอยู่ที่ราว 80% และน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามความชำนาญที่เพิ่มขึ้น KCE Guidance ยอดขายที่เพิ่มขึ้น QoQ ใน 2Q-3Q65 คาด 2Q65 เพิ่มขึ้นได้อีกราว 6 ล้านเหรียญ และใน 3Q65 อีกราว 6 ล้านเหรียญ แต่ในด้าน GPM บริษัทฯ Guide ว่าจะต้องค่อยๆ ปรับปรุงสายการผลิต ส่งผลให้ GPM จะค่อยๆ ดีขึ้น QoQ ไปที่ระดับ 25% ใน 2Q65 และสูงกว่านั้นใน 3Q65 แต่การจะกลับไปที่ระดับ 30% ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงสายการผลิตใหม่ให้มีประสิทธิภาพเต็มที่ก่อน

4) โรงงานใหม่ที่โรจนะ KCE จะเริ่มลงเสาสร้างใน 2Q65 คงกรอบการเปิดโรงงานปลาย 2Q66

5) ผลกระทบจากสงคราม Russia-Ukraine บริษัทฯ มองว่าไม่ได้มีผลกระทบในสายการผลิตโดยตรง Part จากรัสเซียไม่ได้มีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม แต่กระทบกับยอดคำสั่งซื้อในยุโรปชะลอตัวลงจากขาของ Demand บริษัทฯ พยายามชดเชยด้วยการเพิ่ม Order จากตลาดอเมริกา

6) สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศจีน เมื่อมีการปิดประเทศทำให้เริ่มเห็นลูกค้าของคู่แข่งบางรายพยายามเข้ามาติดต่อ KCE มากขึ้น เพราะจีนมีความไม่แน่นอน ผู้บริหารมองว่าหากจีน Lockdown นานยิ่งดีต่อ KCE เพราะจีนเป็น Net export รายใหญ่ของ PCB

คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาท

เรามีมุมมองเป็นกลาง เราคงประมาณการปี 2565/66 ที่ 2.8 พันล้านบาท (+23% YoY) และ 3.7 พันล้านบาท (+34% YoY) เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 82.50 บาทต่อหุ้น อิง PER Band 35.0x (+1.0SD) ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อ ขาย บน PER65 ที่ราว 26x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อย่างไรก็ดี เรามองว่า KCE มีประเด็นการขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในช่วง 1 ปีจากนี้ทำให้หุ้นสมควรถูกซื้อ ขาย สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ +1.0SD

เชิงกลยุทธ์การฟื้นตัวที่ช้าและไม่มีประเด็นหนุนเฉพาะตัวระยะสั้น ขณะที่การเปิดโรงงานใหม่อยู่ใน 2Q66 ยังอีกระยะใหญ่ ทำให้หุ้นต้องรอเวลาการฟื้นตัวของ GPM ใน 2H65 ก่อนปรับขึ้นรอบใหม่

ความเสี่ยงสำคัญ คือ การเกิด Recession ในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ KCE และค่าเงินหยวนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาก

 

- Advertisement -