ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

บวกในกรอบแคบๆ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคารบวกในกรอบแคบๆ (sideways up)… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์แต่ยืนไม่ได้ ถอยกลับมาปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลง (ตามคาด) … ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นบวกเล็กน้อย ได้แก่ i) ตลาดการเงินปรับมุมมองต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ลงเล็กน้อย หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอ และล่าสุด Goldman Sachs ลดคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ปี 2565 สู่ 2.4% (เดิม 2.6%) และปี 2566 สู่ 1,6% (เดิม 2.2%) ส่งผลให้เฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ที่ 2.75% ณ สิ้นปี 2565… ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตามการแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาที่จะออกมาหลายตัว ii) จิตวิทยาในตลาดหุ้นเอเชียน่าจะดีขึ้นบ้าง หลังจากทางการจีนประกาศว่าจะยุติการล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งน่าจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจจีนและแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางได้มากขึ้น… ด้านปัจจัยภายในประเทศเช้านี้สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ไตรมาส 1/2565 ของไทย อยู่ที่ 2.2% YoY ต่ำกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยฯ คาดไว้ที่ 2.7% YoY ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ชะลอตัวต่อเนื่องอีก อยู่ที่ 3,893 ราย เสียชีวิต 38 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 7,323 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไรแนวรับ BEM*, IVL*, CPF*

  • BEM* (เป้า Consensus 9.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 8.1 บาท และ 8.0 บาท / แนวต้าน 8.3 – 8.5 บาท กรณี Breakout กรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 8.9 บาท (Stop loss 7.9 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดใน 1Q65 แล้ว โดยคาดโรงเรียนต่างๆ เริ่มเปิดเทอม (เริ่มวันนี้) และเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูป ทั้งการท่องเที่ยว และลดการ Work from Home (คาดกลางปีนี้) หนุนปริมาณการใช้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน 3) ราคาหุ้น Laggard กลุ่ม Re-opening ขณะที่ Consensus คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว +165% YoY และคาดโตต่อเนื่องอีก +44% YoY ในปี 2566
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 59 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 45.5 บาท / แนวต้าน 47.5 บาท กรณี Breakout แนว ต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/-50 บาท (Stop loss 44 บาท) 2) รายงานกำไร 1Q65 = 1.41 หมื่นล้านบาท ดีกว่าคาด +69% / ดีกว่า Consensus คาด +55% มีโอกาสที่ฝ่ายวิจัยฯ จะปรับประมาณการฯ ปีนี้ขึ้น เนื่องจากกำไรใน 1Q65 คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2.57 หมื่นล้านบาท (EPS 4.58 บาท) ขณะที่คาดแนวโน้ม Spread ใน 2Q65 ยังดีต่อเนื่อง จากปัจจัยฤดูกาล 3) PBV 1.64 เท่า เทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.9 เท่า ขณะที่มี Upside การปรับประมาณการขึ้น
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 24.3 บาท / แนวต้าน 25-25.5 บาท กรณี Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 27 บาท (Trailing stop 24 บาท) 2) รายงานกำไร 1Q65 = 2.9 พันล้านบาท ดีกว่าที่คาดว่าจะขาดทุน และดีกว่า Consensus คาด +38% ขณะที่คาดว่า 1Q65 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี โดยราคาเนื้อสัตว์เริ่มทยอยฟื้นตัวหลังประเทศในเอเชียทยอยเปิดประเทศ 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.97 เท่า ต่ำกว่า 10 เท่าของ 3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.1 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM* รอบิ๊กโปรเจกต์! ไฟฟ้าเวียดนาม 9 พันเมกฯ ลุ้นบรรจุในแผนพลังงานฉบับ 8 คลอดเดือน มิ.ย.นี้ (ข่าวหุ้น) BGRIM* มีลุ้นโรงไฟฟ้า LNG-to-Power ของกลุ่มบี.กริม 2-3 โครงการ กำลังการผลิต 2,000-3,000 เมกะวัตต์ต่อโรง หรือราว 6,000-9,000 เมกะวัตต์ เข้าไปบรรจุในแผนพลังงานฉบับที่ 8 ของเวียดนามที่จ่อประกาศเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่โบรกฯ ชี้ราคาหุ้นพ้นจุดต่ำสุดแล้วเป็นจังหวะเข้าซื้อ คาดกำไร 3 ไตรมาสที่เหลือปีนี้โตก้าวกระโดด จากปริมาณขายไฟเพิ่มต้นทุนก๊าซลด รับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ และเชื่อยังไม่หลุดดัชนี MSCI

(+) WHA* โชว์กำไรโค้งแรกโต 225% Q2 จ่อปิดดีลเป็นลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ (ข่าวหุ้น) WHA* ไตรมาส 1/65 กวาดกำไรสุทธิปกติ 653.2 ล้านบาท โตแรง 255.4% ส่งซิกไตรมาส 2/65 จ่อปิดดีลเซ็นสัญญาลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ขณะที่ WHAUP รับผลกระทบค่าก๊าซพุ่ง ฉุด 21 กำไรลด 40% เหลือ 78 ล้านบาท

(+) TFG ทุ่ม 3.5 พันล.ขยายกำลังผลิต (ไทยโพสต์) TFG ฟื้นตัวแรง! ไตรมาส 1/65 กำไรพุ่งกว่า 38% ฟุ้ง ปัจจัยหนุนการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ราคาขายหมู-ไก่พุ่ง พร้อมทุ่ม 3.5 พันล้านบาทขยายลงทุน ในเวียดนาม มั่นใจปี 65 ยอดขายโต 10-15% ตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น

(+) PTT* ผนึกพันธมิตรบุกอาเซียน ลุยตลาดยารักษาโรคไม่ติดต่อ (กรุงเทพธุรกิจ) “อินโนบิก” ผนึกพันธมิตรระดับโลก รุกธุรกิจยา พร้อมลุยตลาดอาเซียนในราคาจับต้องได้ พร้อมชิงตลาดยาไทย 2 แสนล้าน เล็งพัฒนายารักษาโรคไม่ติดต่อ “มะเร็ง เบาหวาน ระบบประสาท” รับสังคมผู้สูงวัย

(0) RATCH* เคาะขายหุ้นเพิ่มทุนราคา 34.48 บ. จอง 6-10 มิ.ย. (ทันหุ้น) RATCH* เคาะราคาขายหุ้น เพิ่มทุนที่ 34.48 บาทต่อหุ้น เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2565 ลุยซื้อกิจการอัพกำลังผลิต แตะ 700 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 5 ดีล คาดสรุปได้ช่วงที่เหลือของปีนี้ ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้โตเท่าตัว  เตรียมรับรู้จากการขายไฟโรงไฟฟ้าใหม่ และรับรู้รายได้เต็มปีหลายโครงการ

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BCP* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 33.25 บาท)
  • INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 89.5 บาท) แนวรับ 70 บาท / แนวต้าน 73-75 บาท (Stop loss 70 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 14.6 บาท / แนวต้าน 15.1-15.5 บาท (Stop loss 14.6 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนวรับ 62.75 บาท / แนวต้าน 64.5-66 บาท (Stop loss 62 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • BDMS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 31 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯขึ้น หลังจากที่จำนวนผู้ป่วย Non-Covid เริ่มฟื้นตัว และมีโอกาสขยายตัวของผู้ป่วยต่างชาติหลังการเปิดประเทศ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 31 บาท (เดิม 27 บาท)
  • PSH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท รายงานกำไรจากการดำเนินงานใน 1Q65 = 551 ล้านบาท (+9% YoY, -39% QoQ) ดีกว่าคาด +10% คาดยอดโอนโครงการ Low rise บางส่วนที่เลื่อนมาใน 2Q65 จะหนุนกำไร 2Q65 ดีขึ้น QoQ และยังมีอีก 7 โครงการคอนโดฯ รอโอนใน 2H65
  • ERW* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 3.7 บาท รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน -315 ล้านบาท ขาดทุนลดลงทั้ง YoY, QoQ และเป็นผลขาดทุนที่น้อยกว่าคาด แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังต่อเนื่องใน 2Q65 หลังรัฐบาลปลดล็อกมาตรการฯ อย่างไรก็ดี Upside เริ่มจำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ”
  • MINT* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 39 บาท รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงาน -3.6 พันล้านบาท (ขาดทุนลดลง YoY แต่พลิกจากที่มีกำไรใน 4Q64) ผลขาดทุนในไตรมาสนี้แย่กว่าคาด อย่างไรก็ดี คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 ฟื้นตัวได้ตามภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ High season ในยุโรป
  • AMATA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 18.4 บาท รายงานกำไร 1065 = 553 ล้านบาท (+198% YoY, -25% QoQ) ฝ่ายวิจัยฯยังคงมุมมองบวกต่อการเปิดประเทศต่อการฟื้นตัวของธุรกิจนิคมฯ ของ AMATA* อย่างไรก็ดี Upside จำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ”
  • WHA* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 4.2 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 656 ล้านบาท (+387% YoY -68% QoQ) โดยกำไรฟื้นตัว YoY ตามการฟื้นตัวของธุรกิจนิคมฯ หลังการทยอยเปิดประเทศ ขณะที่กำไรชะลอตัวลง YoY เพราะไตรมาสก่อนหน้ามีกำไรพิเศษ
  • HANA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 53 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 365 ล้านบาท (+21% YoY, -747% QoQ) คาด -6% อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานที่ 399 ล้านบาท จะเป็นไปตามคาด  ทั้งนี้คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H65 จะดีขึ้น เนื่องจากคาดผลขาดทุนใน บ.ลูก (PMS) ลดลง และคาด Dividend yield 4% ต่อปี จึงยังแนะนำ “ถือ
  • TNP แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 5.8 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 36 ล้านบาท (-37% YoY, -33% QoQ) คาด -28% ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ ลง และปรับลดเป้าหมาย Forward PE ลงเป็น 24 เท่า (เดิมใช้ 26 เท่า) ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 5.8 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
  • XO แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 14.3 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 95 ล้านบาท (-9% YoY, -12% QoQ) เป็นไปตามคาด ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ ลง จากแนวโน้มยอดขายที่ยุโรปมีความเสี่ยงลดลงหลังปลดมาตรการล็อคดาวน์ (การทำอาหารเองที่บ้านลดลง) และการเปิดตลาดที่จีนมีความเสี่ยงต้องเลื่อนจากมาตรการล็อคดาวน์ที่จีน ฝ่ายวิจัยฯ ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 14.3 บาท (เดิม 21.2 บาท)
  • ZEN แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 11.1 บาท รายงานกำไรจากการดำเนินงานใน 1Q65 = 4 ล้านบาท (-85% YOY, -54% QoQ) คาด -57% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แย่กว่าคาด ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 11.1 บาท (เดิม 12.3 บาท) คงคำแนะนำ “ถือ
  • BGRIM* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 41 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 23 ล้านบาท (-88% QoQ, -96% YoY) เป็นไปตามคาด ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงานหลักใน 2Q65 จะยังทรงตัว QoQ ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวได้ใน 2H65
  • RATCH* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 42 บาท รายงานกำไร 1Q65 = 1.58 พันล้านบาท (-26% QoQ, -24% YoY) ต่ำคาด -10% คงคำแนะนำเพียง “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 42 บาท (เดิม 47 บาท)
- Advertisement -