บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Siam Makro (MAKRO TB) เริ่มต้นใหม่กับขนาดธุรกิจใหญ่ขึ้น

ซื้อ รับการเติบโตในปี 2556

จากการซื้อโลตัสในไทยและมาเลเซียจาก CPALL (ราคาปิด 65 บาท ราคาเป้าหมาย 79 บาท) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ส่งผลให้รายได้ EBITDA และความสามารถในการสร้างกำไรของ MAKRO เพิ่มเป็นสองเท่า อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปี 2565 จะไม่สดใสนักเนื่องจาก opex และต้นทุนทางการเงินที่สูง และการฟื้นตัวช้าของกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต ส่งผลให้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ MAKRO ได้รับผลกระทบ ซึ่งเห็นได้ชัดใน 1Q65 ที่กำไรหลักลดลง 12.5%QoQ ดังนั้นในระยะสั้นราคาหุ้นของ MAKRO จึงมีแนวโน้มที่จะ Underperform อย่างไรก็ดี เราคาด ว่าการเติบโตจะกลับมาชัดเจนอีกครั้งในปลายปีนี้ เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 44.1 บาท, WACC 8.01%, G.2% ซึ่งต่ำกว่าครั้งก่อน เนื่องจากการรวมงบการเงินของโลตัส ราคาหุ้นปัจจุบันนับว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ผลประกอบการ 1Q65 ชะลอตัว

ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 10.8% QoQ เป็น 1.11 แสนล้านบาท แม้จะรวมผลการดำเนินงาน 90 วัน ของโลตัส (68 วันใน 4Q64) ฐาน SSSG เฉลี่ยอยู่ที่ +1% สำหรับ MAKRO และ 1.2% สำหรับโลตัส ซึ่งกดดันจากยอดขายในมาเลเซีย (MY) หดตัว 7.9% โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 12.9% เทียบกับ 13.1% ใน 4Q64 จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงของโลตัส ขณะที่ opex เพิ่มขึ้น 14% QoQ (หรือคิดเป็น 13.1% ของรายได้) จากค่าใช้จ่ายในการรีแบรนด์ ต้นทุนคงที่ที่สูงขึ้น (เกี่ยวกับด้าน IT) การปิดสาขา และ Opex ของโลตัสสูงขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายค่อนข้างสูง (1.4 พันล้านบาทหรือ 1.34% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 30.2% QoQ เนื่องจากการชำระหนี้โดยใช้เงินทุนจากการ PO ล่าช้าเป็น 2Q65 ส่งผลให้กำไรหลักของ MAKRO ลดลง 12.5% QoQ เป็น 2.1 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง

คาดว่าตั้งแต่ 2Q เป็นต้นไป แนวโน้มจะดีขึ้น

ผู้บริหารเผยว่าแม็คโครและโลตัสมียอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนเม.ย. โดยแม็คโครจะมีผลการดำเนินงานที่ดีไปจนถึงเดือน พ.ค. แต่ยอดขายของโลตัสอาจอ่อนตัวลงในเดือน พ.ค.เนื่องจากหมดช่วงวันหยุดยาว และอัตราเงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ อย่างไรก็ดี เราคาดว่าการดำเนินงานในมาเลยเซียจะดีขึ้น หลังจากที่ประชาชนมีการถอนเงินจากกองทุนเงินบำนาญมาใช้จ่าย ส่วน Opex จะยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากต้นทุนการรีแบรนด์ยังคงมีอยู่ แต่ดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะลดลงหลังจากการชำระหนี้ระยะยาวบางส่วน (1.55 แสนล้านบาท) สินทรัพย์ทางการเงิน ณ สิ้น 1Q65 อยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท การรีแบรนด์ตั้งเป้าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้

เดินหน้าขยายธุรกิจ

ปัจจุบัน MAKRO มีหลายช่องทางที่จะเติบโตต่อไปผ่านการขยายธุรกิจ ในธุรกิจแบบขายส่งในไทย ไฮเปอร์มาร์เก็ต  ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทย ธุรกิจขายส่งในต่างประเทศ เช่น อินเดีย กัมพูชา เมียนมาร์ และจีน รวมทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศ ถือเป็นศักยภาพการเติบโตใหม่ภายหลังการเข้าซื้อกิจการ

- Advertisement -