ดัชนีอาจผันผวนบริเวณแนวต้าน 1,635-1,643 จุด

  • เลือกเก็งกำไรรายตัว ขณะภาพรวมผันผวนจากปัจจัยที่เข้ามากระทบ ตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อาจเกิดเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย และติดตามแผนการปรับลดงบดุลจากรายงานการประชุมเฟด พ.ค.ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีปัจจัยบวกที่หนุนบรรยากาศเก็งกำไร ได้แก่

1) ประธานาธิปดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กำลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ถูกเพิ่มขึ้นจากการทำข้อตกลงการค้าตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดวันที่ 6 ก.ค.

2) จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการพิเศษปรับลดภาษี (Extra tax relief) วงเงิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับภาคธุรกิจเพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปิดเมืองเพื่อควบคุมโควิด

3) ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากการที่ค่าเงินยูโรแข็งค่า หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม ก.ค. และ ก.ย.

  • กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นลบระยะกลาง แต่อาจบวกระยะสั้น เราประเมินภาพระยะกลางเป็นลบจากต้นทุนวัสก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงทิศทางค่าแรงขั้นต่ำที่อาจปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นเราประเมินกลุ่มรับเหมาอาจเคลื่อนไหวเป็นบวกจาก

1) การขายเอกสารประมูลสายสีส้ม 27 พ.ค.-10 มิ.ย.

2) ตลาดประเมินมีกาสเห็นการเลือกตั้งใหญ่ช่วงครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการผลักดันงานและโครงการต่างๆส่งท้าย

3) ช่วง ปลายพ.ค.-มิ.ย. เป็นช่วงที่หุ้นปราศจากแรงกดดันเรื่องผลประกอบการ โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ CK และ STEC ตามลำดับ สำหรับรับเหมาที่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่เพิ่มทำให้มีการกลับมาลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี อาทิ TTCL และ BJCHI มีโอกาสถูกเก็งกำไรจากประเด็น turnaround เช่นกัน

  • ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART 5) กอง REIT ได้แก่ FIREIT, WHART 6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบ กำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น 7) หุ้นกลุ่มเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC 8) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR

ภาพรวมกลยุทธ์: ทดสอบ 1,630-1,640 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวต้านสำคัญ หากผ่านจะยกกรอบการเล่นขึ้น และมีโอกาสทดสอบ 1.670-1,680 จุด ภาพรวมยังเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพงหรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก และใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า ระวังแรงทำกำไรกลุ่มได้ประโยชน์จากบาทอ่อนในระยะสั้น

หุ้นแนะนำ: CK*, TTCL*, OR*, MAKRO*

แนวรับ: 1,620 / แนวต้าน : 1,643 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • คาดสหรัฐ-จีนปิดฉากสงครามการค้า 6 ก.ค. – คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราภาษีต่อสินค้าจีนจะช่วยให้ประหยัดเงินได้ราว 800 ดอลลาร์สำหรับแต่ละครัวเรือน
  • ไบเดนลั่นพร้อมปกป้องไต้หวันหากจีนบุก ด้านจีนค้านห้ามแทรกแซงเรื่องภายใน – ให้สัญญาว่าสหรัฐจะปกป้องไต้หวันหากจีนพยายามใช้กองกำลังเข้ายึด นับเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญของสหรัฐหลังมีนโยบายรักษาจุดยืนแบบคลุมเครือ
  • “แอนโทนี อัลบาเนซี” คว้าชัยเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย – หัวหน้าพรรค ALP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นการปิดฉากการบริหารของพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้นายมอร์ริสัน ซึ่งปกครองออสเตรเลียมายาวนานเกือบ 9 ปี
  • เบลเยียมเป็นประเทศแรกในโลกประกาศกักตัวผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง – ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 21 วัน
  • ‘พลังงาน” อุ้มต่อดีเซล 32 บาท อีก 1 สัปดาห์ – ถึงวันที่ 30 พ.ค. 2565
  • จุดพลุ ‘เปิดประเทศ’ 1 มิ.ย. ดึงต่างชาติล้านคน/เดือน – ททท. ปรับคาดการณ์ใหม่ เดือนโลว์ซีซั่น พ.ค.-ก.ย. ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 5 แสนคนต่อเดือน ไฮซีซั่นพุ่ง 1 ล้านคนต่อเดือน ดันยอดรวมปี 65 แตะเป้า 7-10 ล้านคน
  • สะพัด! RATCH ซื้อ BH จ่อปิดดีลหลังเพิ่มทุน – สนซื้อหุ้น BH 9.04%
  • ตลท.ให้ ASAP, BYD, BYD-W6 ขึ้นมาตรการระดับ 2 – เริ่ม 24 พ.ค. – 13 มิ.ย.65
  • คาดเข้า/ออก SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA / คาดออก RATCH, STGT, KCE
  • คาดเข้า/ออก SET100 – คาดเข้า SABUY, TIPH, JAS /คาดออก RS, TTA, MAJOR

ประเด็นติดตาม: 24 พ.ค. – US New Home Sales, US Services PMI, Fed Chair Powell Speaks, ECB President Lagarde Speaks / 25 พ.ค. – US Core Durable Goods Orders, FOMC Meeting Minutes / 26 พ.ค. – US GDP Q1, US Initial Jobless Claims, US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนํา

  • เก็งกำไร TTCL* (5.50) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเข้าสู่ช่วง tumaround ตัดขาดทุน 4.74 บาท
  • เก็งกำไร CK* (22) : แม้ระยะกลางเป็นลบจากความเสี่ยงต้นทุนค่าแรง ระยะสั้นเป็นบวกจากการเร่งผลักดันโครงกาต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง ตัดขาดทุน 19.70 บาท
  • เก็งกำไร OR* (31) : คาดผลประกอบการทยอยฟื้นตัวในช่วงสองถึงสามไตรมาสถัดไป ตัดขาดทุน 23.75 บาท
  • เก็งกำไร MAKRO* (40) : การเพิ่มการผ่อนคลายและเปิดสถานบริการ เป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายของ MAKRO ตัดขาดทุน 34 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ

Market News & Factors

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ – ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (23 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีน (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (23 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการและการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ บริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นขานรับความหวังว่าภาคธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลญี่ปุ่นมีมติเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วให้คลายมาตรการควบคุมพรมแดนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดน้ำมัน – สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (23 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่ชาวอเมริกันจะออกเดินทางท่องเที่ยว (อินโฟเควสท์)
  • คาดสหรัฐ-จีนปิดฉากสงครามการค้า 6 ก.ค. – คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราภาษีต่อสินค้าจีนจะช่วยให้ประหยัดเงินได้ราว 800 ดอลลาร์สำหรับแต่ละครัวเรือน (อินโฟเควสท์)
  • ไบเดนลั่นพร้อมปกป้อง ไต้หวันหากจีนบุก – ให้สัญญาว่าสหรัฐจะปกป้องไต้หวันหากจีนพยายามใช้กองกำลังเข้ายึด นับเป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญของสหรัฐหลังมีนโยบายรักษาจุดยืนแบบคลุมเครือ (อินโฟเควสท์)
  • “แอนโทนี อัลบาเน” คว้าชัยเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย – หัวหน้าพรรค ALP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นการปิดฉากการบริหารของพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้นายมอร์ริสัน ซึ่งปกครองออสเตรเลียมายาวนานเกือบ 9 ปี (อินโฟเควสท์)
  • เบลเยียมเป็นประเทศแรกในโลกประกาศกักตัวผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง – ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 21 วัน (อินโฟเควสท์)
  • ‘พลังงาน” อุ้มต่อดีเซล 32 บาท อีก 1 สัปดาห์ – ถึงวันที่ 30 พ.ค. 2565 (กรุงเทพธุรกิจ)
  • จุดพลุ ‘เปิดประเทศ’ 1 มิ.ย ดึงต่างชาติล้านคน/เดือน – ททท.ปรับคาดการณ์ใหม่ เดือนโลว์ซีซั่น พ.ค.-ก.ย. ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 5 แสนคนต่อเดือน ไฮซีซั่นพุ่ง 1 ล้านคนต่อเดือน ดันยอดรวมปี 65 แตะเป้า 7-10 ล้านคน (กรุงเทพธุรกิจ)
  • สะพัด! RATCH ซื้อ BH จ่อปิดดีลหลังเพิ่มทุน – สนซื้อหุ้น BH 9.04% (ข่าวหุ้น)
  • ตลท.ให้ ASAP, BYD, BYD-W6 ขึ้นมาตรการระดับ 2 – เริ่ม 24 พ.ค. – 13 มิ.ย.65 (อินโฟเควสท์)
  • คาดเข้า/ออก SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA // คาดออก RATCH, STGT, KCE (UOB KayHian)
  • คาดเข้า/ออก SET100 – คาดเข้า SABUY, TIPH, JAS // คาดออก RS, TTA, MAJOR (UOB KayHian)

Report & Corporate News

  • SPRC Maintained BUY TP: 15.00 บาท – จากการขยายตัวของ margin และการเติบโตของปริมาณการขายอย่างแข็งแกร่งใน 2Q22 ทำให้เราคาดว่าหุ้นของ SPRC จะทำได้ดีโดยคาดว่าตลาดจะ re-rating เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2022 ขณะเดียวกัน SPRC เป็น Top Pick ของเราในบรรดาโรงกลั่นของไทย คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.00 บาท
  • COM 7 – ยกทีมผู้บริหารให้ข้อมูลนักลงทุนประจำ Q1/65 รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิ 783.2 ล้านบาท เติบโต 38.5% รายได้อยู่ที่ 14,682.3 ล้านบาท เติบโต 22.5% เมื่อเทียบกับงวด เดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตจากสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ (อินโฟเควสท์)
  • BCP – บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า OKEA ASA (“OKEA – บริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 46) ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแหล่งปิโตรเลียมในทะเลเหนือ 3 แหล่ง (ร้อยละ 35.2 ในแหล่ง Brage, ร้อยละ 6.4 ในแหล่ง Ivar Aasen, และร้อยละ 6 ในแหล่ง Nova) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในปี 65 ของ OKEA อีกประมาณ 5,000 ถึง 6,000 บาร์เรลต่อวัน (อินโฟเควสท์)
  • GPSC – แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้น จากปัจจัยหนุนหลักสำคัญมาจากการที่โรงไฟฟ้า Glow Enerygy เฟส 5 กลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังอีกครั้งตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากปิดปรับปรุง และยังมีการปรับขึ้นค่า FT ในช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค. 65 ที่เข้ามาช่วยหนุนต่อผลการ ดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 และช่วยเข้ามาชดเชยต้นทุนค่าก๊าซและถ่านหินที่เป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูงได้บางส่วนด้วย (อินโฟเควสท์)

 

- Advertisement -