Daily Focus: Value and Selective Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรง และเกือบปิด Gap บริเวณ 1,643 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันช่วงบ่าย ทําให้ดัชนีย่อนลงมาปิดลบเล็กน้อย 1.05 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางเพียง 90 ลบ. (แต่ยัง Long SET50 Index Futures เล็กน้อย 4.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up กรอบ 1,620-1,635 จุด ตาม Sentiment ที่ค่อนไปในทางบวงจากตลาดหุ้นต่างประเทศรอบรับรายงานการประชุม FED ที่ออกมาตามคาด โดยสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม 2 ครั้งถัดไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อไม่ให้เร่งตัว และส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ระยะสั้นเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้น และโดยเฉพาะพันธบัตรจาก Bond Yiled ที่ปรับลดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมอง Upside ของดัชนีจํากัด โดยปลายสัปดาห์นี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ข่งหากยังเร่งตัวสูงกว่าคาดจะกดดันตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยในประเทศภาพรวมยังไม่มีปัจจัยกดดัน ตลาดยังมองบวกต่อการเปิดเมืองเป็นหลัก และหนุนกระแสเงินทุนยัง ค่อนไปในทิศทางไหลเข้าระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Reopening และ Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเทียบกับช่วงปี 2019 ที่ยังไม่มี COVID-19 และมีแนวโน้มกําไร 2Q22 แข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด โดยรวมท่ามกลางนโยบายการเงินที่ดึงตัว
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง SAPPE, SMT, TH
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : GFPT, ILINK,
หุ้นเด่นวันนี้ : NER
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 9 บาท
- แนวโน้มกําไร 2Q22 คาดเร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y จากคำสั่งซื้อ และราคาขายที่สูงขึ้น และล่าสุดได้ลูกค้ารายใหญ่ใหม่ในอินเดียและไทยเพิ่ม ทําให้คําสั่งซื้อคาดเร่งดัวใน 2H22
- ล่าสุดบริษัทมีการขายล่วงหน้าถึงเดือน ก.ย. 22 แล้วทําให้ทั้งปีมีแนวโน้มทําได้ตามเป้ายอดขายที่ 5 แสนตัน +11% Y-Y เราคาดกำไรปีนี้ +6% Y-Y จุดเด่น คือ PER ที่ต่ำเพียง 6 เท่า และ Dividend Yield ราว 7%
- แนวรับ 6.50-6.40 บาท แนวต้าน 6.90-7//7.20 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$142 ล้าน แต่ยังค่อนข้างกระจัดกระจาย เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่ไต้หวัน US$187 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$50 ล้าน ส่วนอาเซียนผสมผสานและปริมาณค่อนข้างเบาบาง แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดค่อนไปในทิศทางไหลเข้า หลังรายงานการประชุม FED ออกมา Inline กับตลาดคาดการณ์สําหรับการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งถัดไป
ประเด็นสําคัญวันนี้
(0) รายงานการประชุม FED คณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย อีกครั้งละ 0.5% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ที่จะถึงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมถึงการเริ่มลดขนาดงบดุล US$9.5 หมื่นล้านต่อเดือนในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไป ภาพรวมถือว่า Inline กับที่ตลาดประเมิน ณ ปัจจุบัน ระยะสั้นไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม แต่ยังมองระยะกลาง-ยาว หุ้น Tech และหุ้น PER สูงยังถูกดดัน และเราชอบ Value Play มากกว่า
(+) CK บริษัทปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็น 1.7-1.8 หมื่นลบ.ใกล้เคียงประมาณการของเรา จากการรับรู้รายได้งานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน Backlog อยู่ที่ 6.5 หมื่นลบ. และคาดหวังรับงานใหม่เพิ่มในปีกว่า 1 แสนลบ. ทั้งโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง รถไฟฟ้าสีส้ม และมีแนวโน้มเห็นโครงการออกประมูลอื่นเพิ่มเติม ส่วนด้านต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และประเด็นขึ้นค่าแรงไม่น่ากังวล ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทยอยฟื้นตัวเช่นกัน ทั้ง BEM และ CKP ยังคงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนํา “ซื้อ” เป็น Top Pick กลุ่มรับเหมา
(0) TOA ยังอยู่ในโหมดประคองตัว โดยผู้บริหารยังตั้งเป้ารายไดปีนี้ +10% Y-Y ตามการเปิดเมืองและเศรษฐกิจที่ฟื้น โดยเฉพาะการเปิดโครงการอสังหาฯ ที่มากขึ้น แต่ประเด็นต้นทุนยังคงต้องติดตามโดยวัตถุดิบหลักอย่าง TiO2 และ Oil Linked ปรับขึ้นแรง 20-40% Y-Y และมีแนวโน้มทรงตัวสูงถึงปลายปี ซึ่งต้องมีการปรับราคาขายขึ้นเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว เรายังคาดกําไรปีนี้ทรงตัว Y-Y คงราคาเป้าหมาย 32 บาท แนะนํา “ซื้อลงทุน” แต่ยังขาด Catalyst เราชอบ DCC ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท มากที่สุดในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
(+) EA เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ EA ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากธุรกิจ New S-Curve โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่จะมีบทบาทสําคัญจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาด E-Bus และ E-Truck โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจาก Thai Smile Bus อย่างไรก็ตาม จากความล่าช้าของคําสั่งซื้อ และยอดขายใน 1H22 ทําให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2022-2024 +12%/-13%/-15% แต่ยังเติบโตเฉลี่ย +28% CAGR ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 101 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) (กรรมการ (มีอำนาจลงนาม)/ กรรมการผู้อำนวยการ/ กรรมการบริหารและกำกับความเสี่ยง ของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของ EA)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 191.66 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 32,120.28 จุด หลังรายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของเฟดบ่งชี้ว่ากรรมการเฟดยังมีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เฟดสามารถใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยไม่ทําให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงกรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า พร้อมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค.
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มธนาคาร
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ จากรายงานการประชุมเฟดที่บ่งชี้ว่าพร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค.
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น อยู่ที่บริเวณ 34.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 110.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 737,000 บาร์เรล รวมถึงคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยว
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 19.1 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,846.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,069.81 / +1.74