ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
บวกต่อ แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ยังดี
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ บวกต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นดีกว่าที่เราคาด หลังฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังแข็งแกร่ง หุ้นน้ำมันปรับขึ้นเด่นนำตลาด + มีแรงซื้อกลับในหุ้นหลายกลุ่มที่ราคาปรับลงมาแรงก่อนหน้านี้ ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่อตลาดหุ้นเป็นบวกเล็กน้อย i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แรลลี่ต่อ โดยนักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักกับตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/2565 (รายงานครั้งที่ 2) -1.5% QoQ เทียบรายปี ซึ่งลดลงมากกว่าตัวเลขรายงานครั้งแรกที่ -1.4% QoQ ทั้งนี้ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการของ บ.ค้าปลีกอย่าง Macy’s ที่สูงกว่าที่คาด ซึ่งสวนทางกับตัวเลขที่อ่อนแอของ US retailers อื่นๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ ii) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นต่อ 3.2% เหนือ 114 ดอลลาร์ฯ บาร์เรล ก่อนหน้าการประชุมของกลุ่มยุโรปในวันที่ 30-31 พ.ค. นี้ เพื่อหาฉันทามติคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งประเด็นนี้น่าจะทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน outperform ต่อไปในช่วงสั้นๆ ทั้งนี้นักลงทุนควรติดตาม core PCE inflation เม.ย. ในคืนวันนี้ ซึ่ง consensus คาดไว้ที่ 4.9% YoY ชะลอตัวจาก 5.2% YoY ในเดือน มี.ค. ด้านปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ ก.พาณิชย์จะรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ เม.ย. ขณะที่เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวที่ 4,837 ราย เสียชีวิต 29 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 5,198 ราย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร CPF*, SHR, OTO
- CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 25.5 บาท / แนวต้าน +/-27.0 บาท กรณี Breakout ผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-29 บาท (Trailing stop 25.0 บาท) 2) ประเมินราคาเนื้อสัตว์ทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัวแรงใน 2Q-3Q จากการเตรียมปลดล็อคการเดินทางในหลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย ขณะที่ยุโรปยังมีความต้องการนำเข้าเนื้อไก่ชดเชยอุปทานที่ลดลง (ผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน) 3) Valuation ไม่แพง PBV 1.0 เท่า (1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
- SHR (เป้าพื้นฐาน 4.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.6 บาท / แนวต้าน +/-4.9 บาท กรณี Breakout แนวต้านนี้ได้ แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 4.5 บาท) 2) อัตราการเข้าพัก รร. ในกลุ่มฯ เดือน เม.ย.ปรับขึ้นเป็น 61% (มากกว่าเฉลี่ย 1Q65 ที่ 46%) สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ 2Q – 4Q โดยเฉพาะต่างประเทศ หลังหลายประเทศเริ่มคลายมาตรการรับมือโควิด-19 แล้ว 3) คาดปีนี้ลุ้นไม่มีผลขาดทุนสุทธิ ขณะที่คาดกระแสเงินสด EBITDA ฟื้นแรงเป็นบวก +1.7 พันล้านบาท ขณะที่ PBV ยังต่ำเพียง 1.08 เท่า (กลุ่มโรงแรม PBV สูงกว่า 12 เท่าขึ้นไป)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.8 บาท / แนวต้าน 13.2-13.6 บาท หาก Breakout ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-14.0 บาท (Stop loss 12.6 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 Turnaround จากธุรกิจ Esports ที่จะเริ่มรับรู้รายได้การลงทุนในทีม PSG (ROV) หลังจากที่ 1Q65 มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน และล่าสุดอนุมัติลงทุนในทีม XERXIA (Valorant) (ยังไม่รวมในประมาณการฯ) ขณะที่ 3Q65 จะเริ่มรับรู้รายได้จาก Platform HUBBER (ศูนย์รวมการเล่นเกมส์ออนไลน์) 3) ประเมินกระแส Esports ในไทยเริ่มดีต่อเนื่อง หลังทีม Esports ไทยได้เหรียญรางวัลจากการแข่งซีเกมส์
หุ้นมีข่าว
(-) ผู้บริโภค ค้านดีลควบ TRUE-DTAC หวั่นเหลือ 2 ราย ค่าบริการพุ่ง (กรุงเทพธุรกิจ) “โฟกัส กรุ๊ป” รอบ ผู้บริโภคประสานเสียง 100% ค้านทรูควบรวมดีแทค ชี้ชัดเท่ากับผูกขาดอุตสาหกรรม หวั่นเหลือ 2 รายใหญ่ อาจ “ฮั้วราคา” โขกค่าบริการแพงลิ่ว ผู้บริโภครับกรรมไร้ที่พึ่ง “เอไอเอส” ซัดหนัก ไม่ว่าจะออกมาตรการหรือกำหนดแผนเยียวยาก็ไม่ทำให้ตลาดกลับคืนสภาวะเดิมได้ ขณะที่สองบริษัทต้นเรื่อง “ทรู-ดีแทค” ปฏิเสธนาทีสุดท้ายเมินเข้าให้ความเห็น “ทีดีอาร์ไอ” ย้ำควบรวมตลาดผูกขาดกระจุกตัว ระดับรุนแรง
(+) ORI* ดัน พรีโมฯ เข้าตลาดหุ้น เตรียมยื่นไฟลิ่งไตรมาส 3 ปีนี้ (ข่าวหุ้น) “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” ในเครือ ORI* เดินหน้าแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมยื่นไฟลิ่งในไตรมาส 3/65 พร้อมเข้าจดทะเบียนในปลายไตรมาส 4/65 ลั่นรายได้ปีนี้โต 25-30% พร้อมปักธงปี 68 รายได้โต 2-3 เท่า
(+) GULF-CRC* ลงขันตั้ง “กรีนเจ็น เอ็นเนอร์จี” ลุยโซลาร์รูฟ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “กัลฟ์” ส่ง กัลฟ์ 1 ผนึก “ซีอาร์ซีไทวัสดุ” บริษัทเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ตั้งบริษัทร่วมทุน “กรีนเจ็น เอ็นเนอร์จี จำกัด (GGE)* ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ลุยโซลาร์รูฟ บนพื้นที่ร้านไทวัสดุ เพื่อขายไฟฟ้าให้กลุ่มเซ็นทรัล
(+) EA ออเดอร์รถไฟฟ้าพุ่ง จ่อขยายกำลังผลิต แบตเตอรี่ เป็น 2 กิกะวัตต์ปี (กรุงเทพธุรกิจ) ระดมทุน ขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 3 หมื่นล้าน มิ.ย.-ก.ค. “อีเอ” เผยปีนี้ เตรียมส่งมอบรถบัสไฟฟ้า 1.5-2 พันคัน จากเดิม 1.2 พันคัน-ปีหน้า 2 พันคัน ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้าอยู่ระหว่างเจรจา คาดส่งมอบหลายร้อยคัน เตรียมระดมทุน ขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 3 หมื่นล้าน ลงทุนธุรกิจ เตรียมทุ่ม 1-2 พันล้าน ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตเตอรี่ เป็น 2 เมกะวัตต์ปีนี้
(+) SABUY ขึ้นสู่ยักษ์ POS ปีนี้ฐานแตะ 100 ล.ราย (ทันหุ้น) SABUY เข้าซื้อหุ้น EasyRes ผู้พัฒนาและให้บริการระบบบริหารจัดการร้านอาหาร 25% ขณะผู้ก่อตั้งซื้อหุ้น SABUY 28 บาท มีร้านค้าในพอร์ตสูง 6 พันร้านค้า พนักงาน 3 แสนราย ต่อยอดธุรกิจได้เพียบ ระบุครองมาร์เก็ตแชร์ POS 50% พร้อมทั้ง 3 บริษัทใหม่ แตกไลน์ เอาต์ซอร์สซิ่ง ฟูลฟิลเมนต์ ดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวด์ บัญชีผู้ใช้สิ้นปีแตะ 100 ล้านราย
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BEM* (เป้า Consensus 9.9 บาท) แนะนํา “Let profit run” (Trailing stop 8.95 บาท)
- IVL* (เป้าพื้นฐาน 59 บาท) แนวรับ 48.5 บาท / แนวต้าน 50-52 บาท (Trailing stop 47.5 บาท)
- MAJOR* (เป้า Consensus 24.7 บาท) แนวรับ 20.7 บาท / แนวต้าน 21.5-22.0 บาท (Stop loss 20.3 บาท)
- IP (เป้า Consensus 26.6 บาท) แนวรับ 20.0 บาท / แนวต้าน 20.5-21.0 บาท (Stop loss 19.6 บาท)
- BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 15.2 บาท / แนวต้าน 15.5-16 บาท (Stop loss 14.9 บาท)
- PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 14.7 บาท / แนวต้าน 15.2-15.7 บาท (Stop loss 14.5 บาท)
- INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 89.5 บาท) แนวรับ 72.0 บาท / แนวต้าน 74-76 บาท (Stop loss 71.5 บาท)
- CPALL* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนวรับ 63.5 บาท / แนวต้าน 65-67 บาท (Stop loss 63.5 บาท)
- UBE (เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท) แนวรับ 2.02 บาท / แนวต้าน 2.1-2.2 บาท (Stop loss 1.98 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- TFG แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 6.3 บาท (Initial Coverage) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น จากราคาขายเนื้อสัตว์ที่ปรับขึ้น รวมทั้งการขยายธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ร้านค้าปลีกที่จะเป็นช่องทางกระจายสินค้า คาดกำไรปีนี้โต +307% YoY เป็น 2.29 พันล้านบาท ประเมินราคาเหมาะสม 6.3 บาท อิง Forward PE 17 เท่า (+0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ยในอดีต)
- กลุ่มนิคมฯ น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯประเมินการคลายข้อจำกัดการเดินทางและการเปิดประเทศจะเป็น Sentiment บวกต่อธุรกิจนิคมฯ และหนุนยอดขายที่ดินในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯยังกังวลความเสี่ยงต่อการเสียส่วนแบ่ง FDI ให้กับประเทศอื่นในอาเซียน ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงระยะยาว จึงยังคงน้ำหนักลงทุน เท่ากับตลาดฯ” แนะนำ “ซื้อ” WHA* / แต่แนะนำเพียง “ถือ” สําหรับ AMATA*