บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) 30.4%
Close May 26, 2022 Price (THB) 11.20
12M Target (THB) 14.60
What’s new?
- คาดยอด Presale 2Q65 มีโอกาสทำ New high ต่อเนื่อง จากการเปิดตัวโครงการใหญ่มูลค่า 2.0 พันลบ.
- แนวโน้มผลประกอบการปกติ 2Q65 เบื้องต้นคาดที่ระดับ 220-240 ลบ. ทำ New high ต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับยอดขาย
- ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เพื่อจัดตั้งบริษัท JV อีกจำนวน 1-2 โครงการ ในช่วงที่เหลือของปี หากเกิดขึ้นคาดจะเป็น Upside risk ต่อกำไรสุทธิ ราว 75-100 ลบ.
Our view
- เราคงมุมมองเป็นบวกต่อ Earnings Momentum ในช่วงที่เหลือของปีที่คาดจะเติบโต QoQ และ YoY และจะเป็น New High ทุกไตรมาส หนุนจากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.60 บาท/หุ้น จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2565/66 ที่โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่หากเทียบ PER ปี 2566 ปัจจุบันคิดเป็นเพียงแค่ 6.2x ต่ำ กว่ากลุ่มที่ 7.2x อย่างมีนัยสำคัญ
BRITANIA เล็กพริกขี้หนูของกลุ่มอสังหาฯ
แนวโน้ม Presale 2Q65 ยังสวย… กำไรปกติคาดทำ New High ต่อเนื่อง
เราคาดยอด Presale 2QTD (เดือนเม.ย.-พ.ค. 65) ของบริษัทจะอยู่ที่ 1.5 พันลบ. เติบโตเด่น YoY และคิด เป็นกว่า 73% เมื่อเทียบกับ Presale ในช่วง 2Q64 และคาดจะเร่งตัวขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. 65 หนุนจากการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่คือ Britania อมตะ-พานทอง มูลค่า 2.0 พันลบ. และยอดขายของโครงการ Britania ราชพฤกษ์-นครอินทร์ มูลค่า 700 ลบ. ที่เปิดตัวไปแล้วในช่วง 1Q65 ซึ่งมีอัตราดูดซับอุปทานที่ดี สะท้อนจาก Take-up rate ปัจจุบันที่มียอดขายแล้วกว่า 50%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 เราคาดสอดคล้องกับทิศทางของ Presale กล่าวคือ เบื้องต้นคาดกำไรปกติจะอยู่ในช่วง 220-240 ลบ. เติบโตขึ้น 5-10% QoQ และเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท จากอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งสำหรับโครงการแนวราบระดับกลาง-บน (ราคาซื้อขาย 5 ลบ. ขึ้นไป) ซึ่งเป็น Segment หลักของบริษัท หนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ต่างๆ รวมไปถึงมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นผลให้อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ ทยอยปรับระดับดีขึ้น ขณะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ยังอยู่ในระดับต่ำอย่างน้อยไปจนถึงช่วงสิ้นปี
Upside risk เริ่มเห็นแล้วใน 1Q65 จากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน
ในช่วง 1Q65 บริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบรวมทั้งสิ้น 3 โครงการที่จะเปิดตัวในช่วง 3Q65 ได้แก่ Britania Home Bangna km.17 (1.5 พันลบ.), Britania Home Bangna km.17 (1.1 พันลบ.) และ Grand Britania Khukhot Station (1.2 พันลบ.) ซึ่งเป็นผลให้บริษัทบันทึกกำไรพิเศษ (Share Premium) เข้ามาเป็นจำนวน 144 ลบ. ทั้งนี้ เราคาดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีก 2-3 ราย เพื่อที่จะจัดตั้งบริษัท JV อีกอย่างน้อย 1-2 โครงการภายในช่วงสิ้นปี 2565 หากเกิดขึ้นเบื้องต้นคาดจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิในช่วงที่เหลือของปีอีกอย่างน้อย 75-100 ลบ.
เสริมสร้างความแตกต่างและ Value-added ผ่าน Ecosystem ของ ORI
ล่าสุดบริษัทได้เผยแผนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการให้กับลูกค้าผ่าน Ecosystem ของบริษัท แม่คือ ORI ที่จับมือกับ GUNKUL เพื่อติดตั้งระบบ Solar rooftop และ EV Charger ในโครงการใหม่ๆ โดยคาดจะเริ่มที่ Segement ระดับบนคือ Grand Britania และจะเพิ่มไปยังสินค้าระดับกลาง-ล่าง เช่น Britania และ Brighton ในอนาคต ถึงแม้ในระยะสั้นคาดยังไม่ได้ส่งผลบวกให้กับอัตรากำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เรามองว่าเป็นการสร้างความแตกต่างของการสินค้าและบริการที่นอกเหนือจาก Ecosystem ปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ BRT สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดเข้าสู่การเป็นผู้นำตลาดแนวราบในระยะยาว
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 65 ที่ 14.60 บาท… การตั้ง JV เป็น Upside ต่อกำไรสุทธิ
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการที่คาดจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ในทุกไตรมาสในช่วงที่เหลือของปี จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นเริ่มตั้งแต่ช่วง 2Q65 ที่ 2.0 พันลบ. 4.4 พันลบ. ใน 3Q65 และ 6.4 พันลบ. ในช่วง 4Q65
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 14.60 บาท/หุ้น อิง PER2565 เท่าเดิมที่ 11.5x โดยเรา มองว่าบริษัทควรซื้อขายบน PER ที่เป็น Premium เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม จากอัตราการเติบโตที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มสำหรับช่วงปี 2565/66 และยังมี Upside risk จากการจัดตั้งบริษัท JV ร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งคาดจะส่งผลให้บริษัทได้รับ Share Premium ซึ่งจะเป็น Upside risk ต่อประมาณการกำไรสุทธิและคาดการณ์เงินปันผลปี 2565 ราว 10-15% เป็นอย่างน้อย