ตัวเลขส่งออกไทยสะท้อนเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว แนะ MAJOR TU
วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับตัวขึ้นเด่น 1.76% หลังสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ขยายตัว 0.3%MoM 4.9%YoY ส่วน PCE ขยายตัว 0.2%MoM 6.3%YoY ทั้งนี้หากพิจารณาการขยายตัว MoM พบว่า Core PCE ปรับตัวขึ้น 0.3%MoM เป็นระยะเวลา 2 เดือนติดต่อ ส่วน YoY ลดลงต่อเนื่องจาก ก.พ. ขยายตัว 5.3%YoY มี.ค. 5.2%YoY และล่าสุด เม.ย. ขยายตัวเพียง 4.9%YoY ตลาดจึงตีความว่าเงินเฟ้อสหรัฐ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเฟ้อสหรัฐ (PCE) และตลาดหุ้น (Dow Jones) ย้อนหลัง 52 ปี พบว่าค่าที่ได้คือ -0.47 หรือตีความได้ว่า หากการขยายตัวของเงินเฟ้อลดลงตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่รออยู่ในช่วงถัดไป เนื่องจากเป้าหมายเงิน เฟ้อของ FED คือ 4.3% ในปี 22 และค่าเฉลี่ยระยะยาวคือ 2% แต่ตัวเลขล่าสุดที่รายงานออกมาคือ 6.3% จึงยัง เป็นไปได้ที่จะเห็นความเข้มงวดออกมาจากทาง FED ดังนั้น การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจากประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดจึงเชื่อว่าเพียงระยะสั้น
ส่วนในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาได้รายงานมูลค่าส่งออก เดือน เม.ย. พบว่าขยายตัว 9.9%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 14.6%YoY ส่วนนําเข้าขยายตัว 21.5%YoY ดีกว่าตลาดคาดที่ 19.5%YoY อย่างไรก็ตาม สินค้าข้างในสะท้อนถึง ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกหนุนจากรถยนต์และส่วนประกอบหดตัวลง 9.5%YoY ส่วนสินค้าที่ขยายตัวคือ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รวมถึงสินค้า เกษตรและอาหารที่จําเป็นในภาวะสงคราม
แนวโน้มข้างหน้ากระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศคู่ค้าต้องการรักษาความมั่นคงทางอาหาร โดยเรามองเป็นบวกต่อกลุ่มอาหาร (ASIAN CPF GFPT TFG TU) สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ หลักๆ จะเน้นที่ตัวเลขเศรษฐกิจ วันพุธ ได้แก่ PMI ของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 54.9 และวันศุกร์ภาค แรงงานสหรัฐ Bloomberg ประเมินการจ้างงานนอกภาคเกษตร 3.25 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานที่ 3.5% โดยรวมประเมินวันจันทร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังจากนั้นรอดูปัจจัยใหม่ๆ ประเมินกรอบ SET ทั้ง สัปดาห์ที่ 1630 – 1660 เชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะปรับตัวขึ้นยังแนะเป็นลดน้ำหนักการลงทุน กังวลถึงการปรับลดประมาณการ และเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวจากดอกเบี้ยเร่งขึ้นในช่วงถัดไป ส่วนหุ้นแนะนำระยะสัปดาห์ MAJOR ค้าปลีก BJC CPALL สื่อสาร ADVANC อาหาร ASIAN CPF GFPT TFG TU ท่องเที่ยว AOT CENTEL ERW MINT SPA
MAJOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 23.70 บาท) คาดผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นใน 2Q22 จากจุดต่ำใน 1Q22 เพราะมีภาพยนตร์คุณภาพดีจำนวนมากที่จะเข้าฉาย
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท) บริษัทเริ่มปรับราคาขายขึ้นในช่วง 2Q22 เชื่อว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนที่วิ่งสูงขึ้น ขณะที่การออกสินค้าใหม่ๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ หุ้นที่แนะนำเหมาะสำหรับการซื้อเพื่อถือลงทุน 7-14 วัน หากนักลงทุนมีกำไรก็สามารถทำกำไรได้โดย แนะตั้ง Stop loss หากขาดทุนเกินกว่า 5% ส่วนราคาเป้าหมายเป็นราคาภายใน 1 ปีจากปัจจุบันที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน