ANAN พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่นให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป อายุ 1 ปี 7 เดือน และ 2 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.70% ต่อปี และ 5.60% ต่อปี ตามลำดับ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน กำหนดวันจองซื้อระหว่างวันที่ 10 และ 13-14 มิถุนายนนี้ ผ่าน 7 สถาบันการเงิน เผยปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ผู้ลงทุนสนใจ จากอายุหุ้นกู้ที่ไม่ยาวเกินไป ผลตอบแทนที่น่าพอใจ  อันดับเครดิตที่ BBB- เป็นระดับที่ “ลงทุนได้” ระบุเป็นจังหวะที่เหมาะสม หลังภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

 

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี และรุ่นอายุ 2 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.60% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 10 และ 13-14 มิถุนายน 2565 โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ BBB- แนวโน้ม คงที่ (Stable)

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน 7  แห่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

“เราได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ว่า มีนักลงทุนสนใจสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกู้ของบริษัทได้รับความสนใจ นอกจากจะมาจากอายุของหุ้นกู้ที่ไม่ยาวเกินไป ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และอันดับความน่าเชื่อในระดับ “ลงทุนได้” (Investment grade) แล้ว ยังมีเรื่องของจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะภาพรวมของประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการเปิดเมือง กิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคักขึ้น นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยบวกกับบริษัท ในฐานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าคนเมืองได้เป็นอย่างดี เป็นช่วงเวลาที่พร้อมแล้วสำหรับการ Take Off โดยบริษัทมีสินค้าที่ดี มีคุณภาพที่มีความหลากหลาย พร้อมที่จะส่งมอบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในราคาต้นทุนเดิม” นายชานนท์ กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีโครงการที่อยู่อาศัยในมือ (Backlog) รวมถึงโครงการพร้อมอยู่ที่พร้อมส่งมอบในระยะเวลา 2 ปี อีกกว่า 58,725 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านโครงการ และโอกาสการรับรู้รายได้ในอนาคตที่จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ที่คาดว่า จะมีการรับรู้รายได้จากยอดขายอย่างก้าวกระโดด จากการเตรียมรับรู้รายได้ใน 2 โครงการที่สร้างเสร็จใหม่ล่าสุด มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่อีก 6 โครงการที่เตรียมจะปิดการขายภายในปีนี้มูลค่ากว่า 9,812 ล้านบาท ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้ง 7 โครงการ มูลค่ากว่า 29,098 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ คาดว่าจะได้รับการตอบรับด้วยดีเหมือนที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่คาดว่าจะสามารถรับกระแสเงินสดที่เป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) จาก 5 โครงการเซอร์วิสอพารท์เม้นท์อย่างต่อเนื่อง

*********

- Advertisement -