ทยอยลดพอร์ตการลงทุน ระยะสั้นแนะนำ TU BAFS

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนยังคงปรับฐานต่อเนื่องอีก 0.5% ปัจจัยกดดันมาจากความกังวลว่าดอกเบี้ยที่ขึ้นจะกดดันให้ภาวะเศรษฐกิจเกิดการถดถอย (Recession) ล่าสุดประธาน FED สาขาซานฟรานซิสโก ออกมาสนับสนุนให้ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ยังคงปรับเพิ่มขึ้น 0.6% ปัจจัยบวกยังคงมาจากกลุ่ม EU ที่มีมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากทางรัสเซีย ประกอบกับอุปสงค์ที่สูงขึ้นจากจีนหลังเริ่มคลาย Lock Down ในเซี่ยงไฮ้ (บวกต่อ PTTEP) ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืน มีการประกาศ PMI ภาคการผลิตที่ 56.1 สูงกว่าตลาดประเมินไว้ที่ 54.4 ขณะเดียวกันยังมีการประกาศตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐที่ 11.4 ล้านตำแหน่ง สูงกว่านักวิเคราะห์ประเมินที่ 11.3 ล้านตำแหน่ง สะท้อนความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ปัญหาเงินเฟ้อที่ร้อนแรงจะยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่อไป โดยระยะสั้นเริ่มเห็น Dollar Index แข็งค่า และเงินบาทวิ่งกลับเข้าสู่ทิศทางอ่อนค่า จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

Market Outlook

วันนี้ประเมิน SET ปรับฐานในกรอบ 1645 – 1659 เผชิญหลากหลายปัจจัยกดดัน อาทิ การปรับฐานของตลาดหุ้น Dow Jones และ Nikkei ที่เช้านี้แกว่งในแดนลบราว 0.65% ประกอบกับค่าเงินบาทที่วิ่งอ่อนค่าขึ้นมาเป็นปัจจัยกดดันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ล่าสุดวานนี้เริ่มเห็นแรงขายออกมาจากนักลงทุนต่างชาติ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ โดยค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาวิ่งในทิศทางอ่อนค่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดที่ติดลบในเดือน เม.ย. ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าตลาดประเมินไว้ หนุน Dollar Index แข็งค่าและบาทอ่อนค่า ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่การจ้างงานภาคเอกชน โดยสถาบัน ADP Bloomberg คาดไว้ที่ 2.95 แสนตำแหน่ง รวมถึงผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐ Bloomberg ประเมินที่ 2.1 แสนตำแหน่ง เชิงกลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำทยอยลดพอร์ตการลงทุน เพราะในช่วงถัดไปยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากนโยบายการเงินที่มีโอกาสเข้มงวดจนเศรษฐกิจสหรัฐหรือแม้กระทั่งโลกอาจเผชิญปัญหา อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นแนะหุ้นสินค้าจำเป็นที่ผลกระทบจากเงินเฟ้อจํากัด อาทิ ค้าปลีก (BJCCPALL) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ขนส่ง (BTS BEM) ได้ ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า (ASIAN TU) และท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA)

Pi Stock Picks

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท)

การปรับราคาทําได้ที่ฝรั่งเศสในช่วง 2Q22 รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทำให้ช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนลงได้ การออกสินค้าใหม่ๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Value added หนุนผลประกอบการค่อยๆฟื้นตัวและได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท

BAFS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท)

คาดผลประกอบการพลิกเป็นกำไรภายใน 3Q22 หนุนจากการฟื้นตัวของปริมาณบริการเชื้อเพลิงอากาศยาน และการเดินทางด้วยอากาศยานที่สูงขึ้น หลังไทยกลับมาเปิดพรมแดนเต็มรูปแบบ ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้า (กำลังการผลิตที่ติดตั้งแล้ว 49.4MW) ยังมีสถานะเป็นกันชนที่ดีต่อกำไร ขณะที่รอให้ธุรกิจท่อส่งพลิกมาเป็นกำไร

- Advertisement -