บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
ESSO (Thailand) (ESSO.BK/ESSO TB)*
ตลาดโรงกลั่นมีแนวโน้มสดใส
Event
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า พร้อมทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย
Impact
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565/66F ขึ้นอีก 109%/20%
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นจากเดิมอีก 10% เป็น 1.37 หมื่นล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 20% เป็น 5.7 พันล้านบาท เนื่องจาก spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราปรับเพิ่มสมมติฐาน spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลปี 2565F เป็น US$22.0/19.0/21.0/bbl และปี 2566F เป็น US$16.0/16.0/16.0/bbl ส่งผลให้ประมาณการ base GRM ของ ESSO ปีนี้เพิ่มขึ้น 45% เป็น US$10.4/bbl และปีหน้าเพิ่มขึ้น 12% เป็น US$7.3/bbl นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มปริมาณยอดขายน้ำมันปีนี้และปีหน้าขึ้นอีก 2% เป็น 5,272 ล้านลิตร และ 5,509 ล้านลิตร ตามลำดับ หลังจากที่กรมธุรกิจพลังงานรายงานว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ ESSO ใน 1Q65 ดีกว่าคาดที่ 1,295 ล้านลิตร และเราคาดว่าปริมาณยอดขายจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องใน 2Q65 ในขณะเดียวกันเราคาดว่าบริษัทจะบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 พันล้าบาทในปีนี้ (+179% จากประมาณการเดิม) ในขณะที่คาดว่าผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านบาทในปีหน้า หลังจากที่เราปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2565-66F ขึ้นจากเดิมที่ US$90/75/bbl เป็น US$100/85/bbl ตามลำดับ
คาดว่ากำไรจะโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 208% YoY ในปี 2565F
เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565F จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท (+208% YoY) เนื่องจาก spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นดีขึ้น โดยคาดว่า accounting GRM (base GRM บวกกำไร/ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน) ของ ESSO จะเพิ่มขึ้นถึง 69% YoY เป็น US$12.6/bbl เนื่องจากเราคาดว่า spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลในปีนี้จะเพิ่มขึ้น YoY เป็น US$22.0/190/21.0/bbl จาก US$11.1/5.8/6.7/bbl ในปีที่แล้ว แม้เราจะคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน 3.8 พันล้านบาท ลดลง YoY จากที่มีกำไรจากสต็อกน้ำมันสูงมากในปีที่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ลง ทำให้เราคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของบริษัทจะดีดตัวขึ้น 6% YoY เป็น 5,272 ล้านลิตร และอัตราการกลั่นจะเพิ่มขึ้น 14% YoY เป็น 140KBD ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ 80% ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับในอดีต
Valuation & action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 14.10 บาท จากเดิมที่ 12.00 บาท โดยอิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.5x เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และกำไรที่กลับสู่ระดับปกติในปี 2566 นอกจากนี้ เรายังคงคำแนะนำซื้อ และยังคงเลือก ESSO เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากเรามองบวกกับแนวโน้มตลาดโรงกลั่น จากอุปทานผลิตภัณฑ์จากการกลั่นที่ตึงตัวขึ้นในยุโรป เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ เราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงมากซึ่งน่าจะมากกว่า 10% ในปี 2565F ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน
Risks
ความผันผวนของราคน้ำมันดิบ, GRM และค่าการตลาดน้ำมัน