บล.ทรีนีตี้

THIENSURAT – เธียรสุรัตน์ (TSR)

คาด 2Q65F ไม่ได้โตโดดเด่น มอง 3/4Q65 มีโอกาสเติบโตที่ดีกว่า

  • กำไร 1Q65 จำนวน 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.7%QoQ และลดลง 34.6%YoY จากรายได้เติบโต ถึงแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะต่ำลง QoQ แต่มีการคุม SG&A ที่ดีขึ้น
  • คาดการณ์กำไรไตรมาส 3Q65 และ 4Q65 โดดเด่นกว่าครึ่งปีแรกจากการผ่อนคลายจากสถาณการโควิด-19 รวมถึงการจับมือกับ SABUY ที่จะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้ธุรกิจเดิม
  • คงประมาณการกำไรปี 65 แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี 66 ให้สอดคล้องกับโอกาสในการเติบโต รวมถึงปรับสมมุติฐานค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารให้สอดคล้องกับความสามารถในการคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
  • ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 4.45 บาท (ด้วยวิธี P/E Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี +0.5SD ที่ 21.3 เท่า) แต่ราคาปัจจุบันได้สะท้อนมูลค่าพื้นฐานของหุ้นเรียบร้อยแล้ว

ผลการดำเนินงาน 1Q65 กำไรเติบโตดีขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว

  • กำไร 1Q65 ที่ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.7%QoQ และลดลง 34.6%YoY โดยกำไรเพิ่ม QoQ จากรายได้ที่เติบโตและการคุม SG&A ที่ดีขึ้น ถึงแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะต่ำลง
  • รายได้รวม 1Q65 เท่ากับ 323 ล้านบาท (+25.2%QoQ, -30.1%YoY) เนื่องจากยอดขายเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิดที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับกลุ่มธุรกิจขายตรง แต่กลุ่มธุรกิจสารกรอง เครื่องทำน้ำแข็ง และกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกและสินเชื่อเงินให้กู้ Floor Plan เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • อัตรากำไรขั้นต้นที่ 80.8% (108.5% ใน 4Q64 และ 78.9% ใน 1Q64) ลดลง QoQ เนื่องจากการขายสินค้าที่ไม่มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รวมกับสัดส่วนการขายเครื่องกรองน้ำที่ลดลง
  • สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายที่ 58.4% (78.8% ใน 4Q64 และ 60.6% ใน 1Q64) ลดลง QoQ และ YoY จากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงโครงสร้างของการขายและผลตอบแทนของการขายของพนักงาน
  • สัดส่วนหนี้เสียต่อยอดขาย 12.9% (23.6% ใน 4Q64 และ 11.9% ใน 1Q64) โดยมีค่าใช้จ่ายด้อยค่าจำนวน 41 ล้านบาท (-32.0% QoQ และ -26.6% YoY) จากการบริหารเครื่องกรองน้ำที่ยึดคืนให้สามารถนำไปเป็นประโยชน์ด้วยการขายและการให้เช่า รวมถึง การตั้งสำรองหนี้จะสูญที่ลดลงจากการปรับปรุงกระบวนการการตรวจสอบคุณภาพของลูกหนี้ในเชิงรุก
  • โดยสรุปกำไรไตรมาส 1/2565 คิดเป็นสัดส่วนราว 18.36% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ที่ 115 ล้านบาท (+271%) โดยเรายังคงประมาณการเดิมไว้ เนื่องจากโอกาสในการเติบโตในไตรมาสที่ 3/2565 และ 4/2565

ความเสี่ยง: โควิด-19, การพึ่งพาทีมขายตรง, ต้นทุนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ, หนี้เสีย

แนวโน้มไตรมาส 2/2565

  • ธุรกิจหลักยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด คาดธุรกิจขายตรงยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด เนื่องจากทีมขายมีอุปสรรคในการเข้าไปพบลูกค้าตามบ้าน โดยคาดว่ารายได้จากเครื่องกรองน้ำจะทรงตัว ไม่ได้ต่างจากไตรมาส 1Q65
  • ธุรกิจใส้กรอง เครื่องทำน้ำแข็ง และธุรกิจสินเชื่อเติบโต บริษัทมีการใช้ข้อมูล CRM ประกอบการให้ความรู้ถึงความสำคัญในการเปลี่ยนสารกรองกับลูกค้า ช่วยเพิ่มการเติบโตให้ธุรกิจใส้กรองกับลูกค้าเก่าที่ครบกำหนดเปลี่ยน

คาดธุรกิจน้ำแข็งเติบโตจากการที่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมตัวที่จะเปิดร้าน หลังจากการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัว เช่นเดียวกับธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุก สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ Floor Plan และสินเชื่อ SMEs ที่ปกติแล้วไตรมาส 2 จะเป็นไตรมาสที่โดดเด่นของธุรกิจนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเรียนและช่วงเทศกาล ทำให้มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ โดยทางบริษัทยังคงพยายามลด NPL ให้ใกล้กับเป้าที่ 5% (6.07% ใน 1Q22)

ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารที่คงที่ ด้วยความสามารถในการคุมค่าใช้จ่ายช่วง 1Q65 เราคาดว่าผู้บริหารจะสามารถคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ 2Q65 ได้ดีไม่ต่างกัน โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหาร รวมถึงต้นทุนการขายจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากค่าเงินเฟ้อ

ปรับเพิ่มประมาณการปี 2566 เพื่อสะท้อนโอกาสการเติบโต

ฝ่ายวิเคราะห์ฯพิจารณาปรับประมาณการปี 2566 เพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การจับมือกับ SABUY โดยคาดว่าในปี 2566 บริษัทจะสามารถพัฒนาธุรกิจผ่าน SABUY ecosystem ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยปรับประมาณการรายได้รวมปี 2566 เพิ่มมาอยู่ที่ 2,405 ล้านบาท (+24%YoY) จากเดิม 2,196 ล้านบาท (+13%YoY) คิดเป็นการปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นราว 9.5%

พร้อมกันนี้ได้พิจารณาปรับสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารปี 2566 ลดลงเป็น 59.0% จากเดิมที่ 60.0% เพื่อให้สะท้อนความสามารถในการปรับปรุงโครงสร้างของการขายและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

จากการปรับประมาณการดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มมาอยู่ที่ 168 ล้านบาท (+46%YoY) คิดเป็น EPS 0.31 บาทต่อหุ้น จากประมาณการเดิมที่ 138 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากการปรับประมาณการราว 22%

ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 4.45 บาทต่อหุ้น แต่ปรับลดปรับคำแนะนำเป็น “ถือ”

เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” แม้ปรับราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 4.45 บาทต่อ หุ้น (จากเดิม 3.56 บาท) เราปรับ P/E Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 21.3 เท่า (เดิม P/E Ratio ที่ 17 เท่า) ซึ่งเราปรับ P/E Ratio เพิ่มขึ้น +0.5SD ด้วยมุมมองแนวโน้มโอกาสเติบโตของธุรกิจหลังจาก จับมือกับ SABUY และ EPS ประมาณการไว้ที่ 0.21 บาท โดยราคาปัจจุบันได้สะท้อนมูลค่าพื้นฐานของหุ้นเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งเราได้ทำตาราง P/E Ratios Sensitivity Analysis ท่ี P/E Ratios ในกรอบ -1SD ถึง +1SD และบน EPS +/- 10% จากประมาณการ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

P/E Ratios Sensitivity Analysis

Source: Trinity Research

- Advertisement -