Daily Focus: Value and Laggard Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าที่คาด ปิดลบถึง 14.16 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มค้าปลีก ตลาดกังวลเงินเฟ้อที่กระทบกำลังซื้อและเศรษฐกิจมากขึ้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.7 พันลบ.และ 606 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยังคง Short Index Futures เร่งขึ้นเป็น 1.75 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้น หาระดับ 1,635-1,640 จุด แต่ Upside ยังจํากัด โดยปัจจัยกดดันยังเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะจากราคาน้ำมันและอาหารที่ปรับขึ้นส่งผลกระทบต่อกําลังซื้อในประเทศ ขณะที่ World Bank ล่าสุดปรับลด GDP โลกลงเหลือ +2.9% จากความกังวล Stagflation ส่วนปัจจัยสําคัญที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง.ซึ่งคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในครั้งนี้ แต่ต้องคิดตามมุมมองภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวสูงกดดันต้นทุนภาคการผลิตต่อเนื่อง และทําให้ประมาณการ EPS และ SET Target ปัจจุบันที่ 1,770 จุด มี Downside และอยู่ระหว่างทบทวน เรายัง แนะนำทยอยลดพอร์ตบางส่วนระยะสั้นช่วงตลาดปรับขึ้นหาระดับ 1,660-1,680+- จุด หลังจากสะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด จาก Valuation ของตลาดฯ ที่ค่อนข้างตึงตัว และระยะนี้ยังคงเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 สินค้าบริการจําเป็น ที่มี PER/PBV ต่ำกว่าช่วงปี 2019 ก่อนมี COVID-19 และยัง Laggard ตลาด

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Laggard Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : PR9

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 16.50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 2Q22 อาจชะลอ Q-Q ตามฤดูกาล และ COVID-19 ที่คลี่คลาย แต่แง่ Y-Y ยังเห็นรายได้เดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ยังแข็งแรงโดยเฉพาะการรักษาโรคซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้บริหารคาดว่าเป้ารายได้ปีนี้ที่ +15% Y-Y อาจมี Upside เป็น +20% Y-Y จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ฟื้นตัว  ส่วนเงินเฟ้อกระทบจํากัดต่อ PR9 จากราคาที่ยังถูกกว่าโรงพยาบาลระดับกลาง-บนอื่น เราคาดกำไรปีนี้ +65% Y-Y
  • แนวรับ 13.80 บาท แนวต้าน 15//15.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งตัวขึ้นเป็น US$866 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$559 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออก นำโดยอินโดนีเซีย US$43 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้าบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ หลังล่าสุด World Bank ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) จับตาประชุมกนง.วันนี้ เราคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย 0.5% และมีการปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงจากปัจจุบันที่คาด +3.2% Y-Y แต่ต้องจับดาเสียงโหวตว่าเอกฉันท์หรือไม่ รวมถึงถ้อยแถลง โดยเฉพาะมุมมองเงินเฟ้อและผลกระทบต่อกำลังซื้อว่าน่ากังวลมากเพียงใด หากตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานยังเร่งขึ้นในเดือน มิ.ย.-ก.ค. อย่างน่าตกใจ มีโอกาสที่จะเห็นกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปเดือน ส.ค. เรายังคงแนะนำให้ลงทุนในกลุ่ม Value และ Defensive Play ที่เป็นสินค้าและบริการจำเป็น ได้แก่ โรงกลั่น อาหาร การแพทย์ อสังหาฯ เป็นต้น

(+) CPN คาดผลการดำเนินงานทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการ Reopening หนุน Traffic เข้าห้างดีขึ้นเป็น 84% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 และการให้ส่วนลดค่าเช่าที่จะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระยะยาวได้อานิสงส์จากการเปิดห้างใหม่ และการเข้าซื้อศูนย์การค้าจาก SF เราปรับเพิ่มกำไรปี 2022-2023 เป็น +202% Y-Y และ +33% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 82 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA) และเป็นหุ้น Top Pick กลยุทธ์ใน 2Q22 ที่ Outperform ตลาดฯ

(+) PJW เซ็น MOU กับ IRPC และบจ. อินโนบิก เอเชีย (PTT ถือ 100%) เพื่อหาโอกาสในธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ คาดว่าจะเห็นผลิตภัณฑ์แรกปลายปี 2022 เป็นอุปกรณ์ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายที่อยู่ในห้องผู้ป่วย อุปกรณ์ฟอกไต เป็นต้น เหล่านี้เป็นสินค้าทดแทนการนำเข้า จะช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาล สร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ ส่วนวัถุดิบเช่น HDPE, PPPE และเม็ดพลาสติกเกรดสูง IRPC จะเป็น supplier ทางอินโนบิกมีเครือข่ายต่างประเทศและเชี่ยวชาญการตลาด จะช่วยในด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในอนาคตความร่วมมือดังกล่าวสามารถต่อยอดเป็น อุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ไม่ใช่เฉพาะวัสดุสิ้นเปลือง ช่วยสร้าง Ecosystem สําหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตอบโจทย์สังคม ธุรกิจ และรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนไทยเป็น Medical Hub ยังคงราคาเป้าหมาย 6.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 264.36 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 33,180.14 จุด จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลงเป็น 2.963%

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จากการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่างๆ

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลข GDP 1Q22 รวมถึงธนาคารกลางอินเดียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 34.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 119.41 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงปักกิ่ง และยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ติดตาม EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,852.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในสัปดาห์ที่ผ่านมา

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,063.06 / +-

- Advertisement -