ลุ้นฟื้นตัวหากไม่มีสัญญาณลบจากการประชุมกนง.

  • ตลาดยังผันผวนตามความกังวลเงินเฟ้อ วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรง 14 จุด ซึ่งเราประเมินเป็นความกังวลต่อความเสี่ยงการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อพ.ค.ออกมาสูงถึง 7.1% อย่างไรก็ตาม หากการประชุมกนง.วันนี้ ยังยึดแนวทางตรึงดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโต และไม่ได้ส่งสัญญาณที่น่ากังวลถึงแนวโน้มเงินเฟ้อ เรามองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากบริเวณ 1,630 จุด // ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ เริ่มปรับลดลงจากระดับ 3% มีโอกาสเป็นบวกต่อการฟื้นตัวขอ สินทรัพย์เสี่ยง จาก 1) นักลงทุนเห็นแนวโน้มราคาสินค้าและบริการเริ่มปรับลดลง 2) หากผลการประมูลพันธบัตรคืนนี้ออกมาดี และ 3) หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ วันศุกร์ออกมาต่ำกว่า 8.3% ซึ่งจะยืนยันการผ่านจุดสูงสุดของเงินเฟ้อ
  • กลุ่มโรงไฟฟ้า ปรับเพิ่มน้ำหนักขึ้นเป็นเท่าตลาด หลังจากเราเตือนให้ระวังหุ้นกลุ่มไฟฟ้า และปรับลดน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มเป็น “ต่ำกว่าตลาด” ตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.64 และให้ระวังผลกระทบของหุ้นโรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้กับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องรับผลของต้นทุนค่าก๊าซที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะ BGRIM (-14% YTD) และ GPSC (-27% YTD) ล่าสุดเราตัดสินใจปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มไฟฟ้าขึ้นเป็น “เท่าตลาด” เนื่องจาก 1) ราคาตอบรับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว 2) ทิศทางการปรับขึ้นค่า Ft 0.40 บาท ช่วยลดผลกระทบและทำให้แนวโน้มกำไรดีขึ้น (แต่ถ้าจะให้หักล้างผลกระทบค่าก๊าซทั้งหมด ต้องปรับขึ้นรวมราว 1.30 บาท) 3) คาดไม่มีผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงหรือปัจจัยอื่น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการของ BGRIM และ GPSC น่าจะแย่สุดไปแล้วในไตรมาส 1/65 หุ้นเด่นในกลุ่มยังเป็น GULF อย่างไรก็ตาม ในเชิงเก็งกำไรเรามอง BGRIM และ GPSC ที่ลดลงมากให้อัพไซด์และอยู่ในจุดซื้อที่น่าสนใจ

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) หุ้นกลุ่มที่ปรับลดลงมามาก หรือเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC, BGRIM, GPSC 5) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR 6) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS 7) กลุ่มขนส่ง WICE, LEO, NCL, MOONG และ 8) กลุ่มการเงิน MTC, SAWAD, TIDLOR, KCAR, THANI, TSR

ภาพรวมกลยุทธ์: หากหลุด 1,630 จุด กรอบการเก็งกำไรจะปรับลงเป็น 1,600-1,630 จุด การเก็งกำไรเน้นเลือกหุ้นรายตัว ระยะสั้นกลุ่มพลังงานกลับมามีโมเมนตัมที่ดีในการช่วงประคองบรรยากาศเก็งกำไร ขณะที่การลงทุนเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพง หรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก โดยใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว

หุ้นแนะนำ: SPA*, BABA80*, TTCL*, BIS*

แนวรับ: 1,605-1,630 / แนวต้าน : 1,643 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์เศรษฐโลกปีนี้เหลือ 2.9% – จากเดิมที่ระดับ 4.1% โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซึ่งได้ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • แบงก์ชาติออสเตรเลียขึ้นดอกเบี้ย 0.5% – สู่ระดับ 0.85% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า RBA จะปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 0.25% หรือ 0.40% นอกจากนี้ RBA ยังส่งสัญญาณว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินยังคงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้
  • ค่าเงินเยนร่วงหนักสุดในรอบ 20 ปี – ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOI) อาจจะใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อสกัดการร่วงลงของเงินเยน
  • “ทาร์เก็ต” หันคาดการณ์กำไรใน Q2/65 หลังเผยกำไรต่ำกว่าคาดใน Q1 – ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานสู่ระดับ 2% ในไตรมาส 2 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ระดับ 5.3%
  • ครม.ปรับเงื่อนไข “บ้านล้านหลัง เฟส 2” เพิ่มวงเงินกู้เป็น 1.5 ลบ. – จากเดิมกำหนดวงเงินกู้ที่ 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้มีการอนุมัติสินเชื่อบ้านในโครงการนี้ไปแล้ว 12,081 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
  • กัญชา – ปลดล็อคกัญชาจากการเป็นพืชเสพย์ติด มีผล 9 มิ.ย. อาจเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อ อาทิ ปลูกและสกัด GUNKUL, RBF, EE, IP, DOD, NRF /เครื่องดื่ม ICHI, SAPPE, OSP, CBG / เครื่องสำอางค์ KISS, BEAUTY, JKN
  • ตลท.ให้ SOLAR, SOLAR-W1 ใช้ Cash Balance – เริ่ม 8 – 28 มิ.ย.

ประเด็นติดตาม: 8 มิ.ย. – EU GDP / 9 มิ.ย. .- ECB Interest Rate Decision, US Initial Jobless Claims / 10 มิ.ย. – US Core CPI / 14 มิ.ย. – US PPI / 15 มิ.ย. – US Retail Sales, Fed Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร SPA* (13.10) : เรามองเป็นหุ้นท่องเที่ยวที่ยัง laggard ผลการดำเนินงานปีนี้คาดดีขึ้นจนเหลือขาดทุนเพียงเล็กน้อย และกลับมากำไรได้ในปี 2566 ตัดขาดทุน 7.50 บาท
  • เก็งกำไร BABA80* (5) : หุ้นเทคโนโลยีจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีหลังเปิดเมือง และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชดเชยช่วงปิดเมือง ตัดขาดทุน 4.00 บาท
  • เก็งกำไร TTCL* (5.50) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 5.36 บาท ตัดขาดทุน 4.80 บาท
  • เก็งกำไร BIS* (15) : ผลประกอบการได้อานิสงค์จากการปกป้องสุขภาพปศุสัตว์ และอาจมีจุดเปลี่ยนจากการพัฒนาวัคซีน ตัดขาดทุน 10.30 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ – ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน  และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจาก บริษัททาร์เก็ตปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 2 (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันอังคาร (7 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดจากการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง หลังจากบริษัททาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของสหรัฐเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรที่ลดลง (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้น เนื่องจากหุ้นส่งออกได้แรงหนุนจากเงินเยนที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOI) อาจจะใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อสกัดการร่วงลงของเงินเยน (อินโฟเควสท์)
  • ตลาดน้ำมัน – สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ยังไม่มีความคืบหน้า (อินโฟเควสท์)
  • เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์เศรษฐโลกปีนี้เหลือ 2.9% – จากเดิมที่ระดับ 4.1% โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซึ่งได้ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (อินโฟเควสท์)
  • แบงก์ชาติออสเตรเลียขึ้น ดอกเบี้ย 0.5% – สู่ระดับ 0.85% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า RBA จะปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 0.25% หรือ 0.40% นอกจากนี้ RBA ยังส่งสัญญาณว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินยังคงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้ (อินโฟเควสท์)
  • ค่าเงินเยนร่วงหนักสุดในรอบ 20 ปี – ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOI) อาจจะใช้มาตรการแทรกแซงเพื่อสกัดการร่วงลงของเงิน เยน (อินโฟเควสท์)
  • “ทาร์เก็ต” หั่นคาดการณ์กำไรใน Q2/65 หลังเผยกำไรต่ำกว่าคาดใน Q1 – ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานสู่ระดับ 2% ใน ไตรมาส 2 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ระดับ 5.3% (อินโฟเควสท์)
  • ครม.ปรับเงื่อนไข “บ้านล้านหลัง เฟส 2” เพิ่มวงเงินกู้เป็น 1.5 ลบ. – จากเดิมกําหนดวงเงินกู้ที่ 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้มีการ อนุมัติสินเชื่อบ้านในโครงการนี้ไปแล้ว 12,081 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท (อินโฟเควสท์)
  • ตลท.ให้ SOLAR, SOLAR-W1 ใช้ Cash Balance – เริ่ม 8 -28 มิ.ย. (อินโฟเควสท์)

Report & Corporate News

  • Power Upgraded MARKET WEIGHT – เราปรับเพิ่มคำแนะนำกลุ่มพลังงานของไทยจาก UNDERWEIGHT เป็น MARKET WEIGHT ในระยะสั้น เนื่องจากเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวใน 2Q22 หลังจากที่รัฐบาลอนุมัติการปรับขึ้นภาษี ประกอบกับการประกาศแผน PDP ใหม่ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ในระยะยาว เราคิดว่าตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับต้นทุนพลังงานที่สูง และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เรายังคงชอบ GULF เป็น Top Pick ของเรา
  • SPA Initiate Coverage BUY TP: 13.10 บาท – บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SPA) ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา โดยเป็นผู้ประกอบการสปารายเดียวในบริษัทจดทะเบียนไทย และมี Market share อันดับ 1 เมื่อเปรียบเทียบกับสปาที่มีการจดทะเบียนในประเทศไทย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H22 รายได้ปี 2022 คาดโตเกือบ 2 เท่า และคาดกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 13.10 บาท อิง EV/EBITDA ปี 2024F ที่ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2019 บนสมมติฐานผลการดำเนินงานบริษัทกลับสู่ระดับก่อนเกิด Covid-19 และ Discount กลับมาที่ปี 2022F ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ที่จะเข้ามา มองเป็น Potential Upside
  • BCPG – บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 65-69) จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าโตเท่าตัวเป็น 4,250 เมกะวัตต์ (MW) ที่จะมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1,500-3,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 2,155 เมกะวัตต์ (อินโฟเควสท์)
  • EPG – บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ Aeroklas Australia Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ในประเทศออสเตรเลีย โดยการซื้อหุ้นทั้ง 100% จำนวนไม่เกิน 75 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (อินโฟเควสท์)
- Advertisement -