บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) 34.7%
Close Jun 7, 2022 Price (THB) 3.34
12M Target (THB) 4.50
Previous Target (THB) 4.50
What’s new?
- คาด Presale ในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2565 ที่ 4.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 11.6% YoY แบ่งเป็นแนวราบ 3.2 พันลบ. และแนวสูง 800 ลบ. โดย Presale ใน 5M65 คิดเป็น 42.2% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัท
- เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 เบื้องต้นที่ 500-600 ลบ. (+29% ถึง 55% QoQ, -4% ถึง +15% YoY) เพิ่มขึ้นเด่น QoQ ตามยอดโอนกรรมสิทธิที่คาดเร่งตัวขึ้นจากการเร่งส่งมอบ Backlog แนวราบ
Our view
- คาด Presale ใน 2Q65 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากแผนเปิดโครงการใหม่ที่หนาแน่น จำนวน 10 โครงการ รวมมูลค่า 1.7 หมื่นลบ.
- คงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 2.4 พันลบ. (+18.8% YoY) แม้กำไรปกติใน 1Q65 จะคิดเป็นเพียง 16.1% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากกำไรคาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q65 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.50 บาท/หุ้น
SC ASSET CORPORATION Presale QTD เติบโต 12% YoY
Presale เดือนเม.ย.-พ.ค. แข็งแกร่ง
เราคาด Presale เดือนเม.ย-พ.ค. 2565 ที่ 4.0 พันลบ. เติบโต 11.6% YoY (เทียบกับค่าเฉลี่ยต่อเดือนใน 1065 เพิ่มขึ้น 13.5%) แบ่งเป็น 1) โครงการแนวราบที่ 3.2 พันลบ. หนุนจากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ไปแล้ว 6 โครงการ รวมมูลค่า 8.5 พันลบ. ทำ Take up rate ได้ในระดับ 20% +/- ขณะที่ในเดือนมิ.ย.มีแผนเปิดอีก 3 โครงการ รวมมูลค่า 4.7 พันลบ. และ 2) โครงการแนวสูงที่ 800 ลบ. ทั้งนี้ คาด Presale แนวสูงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.จากการเปิดตัวโครงการแนวสูงใหม่ 1 โครงการในช่วงปลายเดือนพ.ค.คือ REFERENCE Sathorn – Wong Wian Yai มูลค่า 4.0 พันลบ. (แบรนด์ใหม่ราคาเฉลี่ย 1.3 แสน/ตร.ม. ทำ Take up rate ได้ในระดับ 10% +/- ในสัปดาห์แรกของการเปิดตัว) ทั้งนี้ จากแนวโน้ม Presale QTD ที่แข็งแกร่ง เราคาดว่า Presale ใน 2Q65 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY
นอกจากนี้ เราคาดว่าบริษัทจะสามารถบรรลุเป้า Presale ทั้งปีที่ 2.2 หมื่นลบ. (+0.9% YoY) ได้ เนื่องจาก Presale 5M65 คิดเป็น 42.2% เมื่อเทียบกับเป้าหมายทั้งปี ประกอบกับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H65 ทั้งสิ้น 15 โครงการ รวมมูลค่า 2.2 หมื่นลบ. หรือคิดเป็น 54.6% ของแผนทั้งปีที่ 4.0 หมื่นลบ. (สูงสุดเป็น ประวัติการณ์ และเติบโต 311.1% YoY) แบ่งเป็นแนวราบ 14 โครงการ รวมมูลค่า 2.0 หมื่นลบ. และแนวสูง 1 โครงการ คือ Scope Thong Lor มูลค่า 2.5 พันลบ. (ระดับราคามากกว่า 3 แสน/ตร.ม.)
คาดกําไร 2Q65 เติบโต QoQ และมีโอกาสโต YoY สูง
เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 เบื้องต้นที่ 500-600 ลบ. (+29% ถึง 55% QoQ, -4% ถึง +15% YoY) เนื่องจาก 1) บริษัทมีการเร่งก่อสร้างสินค้าคงเหลือแนวราบ ทำให้การส่งมอบ Backlog แนวราบค่อนข้างทำได้ดีขึ้น (จากไตรมาสก่อนที่มีปัญหาการก่อสร้างไม่ทันตามยอดขาย) และ 2) Presale แนวราบ ใน 2Q65 ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เป็นผลให้เราคาดยอดโอนกรรมสิทธิใน 2Q65 จะเติบโตเด่น QoQ และเติบโตตัวเลขหลักเดียว YoY
แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี คาดเติบโต QoQ ต่อเนื่องทั้ง 3Q65 และ 4Q65 (ที่คาดเป็นจุดสูงสุดของปี) เนื่องจากโครงการแนวสูงสร้างเสร็จทั้งหมดในปีนี้ทั้ง 3 โครงการมีกำหนดโอนใน 4Q65 ได้แก่ Scope langsuan (8.3 พันลบ. Sold 41%), Scope promsri (1.0 พันลบ. Sold 41%) และ JV-The Crest park residences (3.1 พันลบ. Sold 24%) ประกอบกับแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ที่หนาแน่น ระดับ 1.0 หมื่นลบ. +/- ในทุกไตรมาสตั้งแต่ 2Q-4Q65
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.50 บาท/หุ้น
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2565 ที่ 4.50 บาท/หุ้น (อิง PER2565 ที่ 7.8x เทียบเท่า +0.5 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) และคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 2.4 พันลบ. (+18.8% YoY) แม้กำไรปกติใน 1Q65 จะคิดเป็นเพียง 16.1% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากเราคาดว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 1Q65 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
นอกจากนี้ บริษัทมีการเข้าลงทุนใน Service Apartment ในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 8.9 ล้านเหรียญ สหรัฐ (ดีลแล้วเสร็จในเดือน พ.ค. 2565) แม้คาดว่าไม่ได้หนุนกำไรอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น แต่มีมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่ม Recurring Income เป็น 1.8 พันลบ. ในปี 2568 (เติบโตราว 100% จากปี 2564) และในปีนี้บริษัทจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติม คือ 1) แผนจับมือกับบริษัทโลจิสติกส์เพื่อทำธุรกิจร่วมกันคาดประกาศช่วงกลางปี และ 2) ธุรกิจโรงแรม คาดเปิดโรงแรมแห่งแรก คือ YANH RATCHAWAT ในช่วง 4Q65 เราคาดว่าจะขาดทุนเพียงเล็กน้อยในปี 2565/66 และจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 2567