MTC ประกาศความสำเร็จจากการขายหุ้นกู้ มูลค่า 4,000 ล้านบาท นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหมดทั้งจำนวน สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ขณะที่แผนงานปีนี้ วางเป้าพอร์ตสินเชื่อทะลุ 1 แสนล้านบาท พร้อมเร่งทำการตลาดเพิ่มในอีก 2 ธุรกิจ ทั้งการให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ รวมทั้งการให้บริการสินเชื่อซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง มั่นใจช่วยดันผลงานทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

 

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเร่งทำการตลาดเพิ่มอีก 2 ธุรกิจคือ บริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ที่ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยคาดหวังว่าในปี 2565 จะมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 10,000 ล้านบาท และบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด ที่ให้บริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง กับกลุ่มลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่มาเพิ่มเติม โดยการเสนอสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้และของใช้ในบ้าน ตามนโยบาย ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นโดย MTC เกือบ 100%

ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อในปีนี้ที่ 100,000 ล้านบาท จาก 3 ธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง และ เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจในอนาคต โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการเข้าหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขาที่มีบริการมากกว่า 6,161 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดสาขาใหม่กว่า 700 สาขาต่อปี ผลักดันผลงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

“MTC เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อย ธุรกิจของบริษัทแบ่งเป็น 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์ ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 6,161 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 362 สาขา โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ชุมชนมากขึ้น และมีเป้าหมายจะขยายสาขาให้ถึง 6,500 สาขาภายในปี 2565 และ 7,200 สาขาในปี 2566 กระจายอยู่ใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ” นายปริทัศน์ กล่าว

สำหรับหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท ที่เปิดขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.45% ต่อปี หุ้นกู้ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี  และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี  กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ จากทริสเรทติ้ง ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้ หรือ Investment Gradeเสนอขายระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน และวันที่ 6-7 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมานั้น สามารถขายได้หมดตามเป้าที่วางไว้

*********

- Advertisement -