บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (From Trading)
TP upside (downside) +11.7%
Close May 31, 2022 Price (THB) 70.25
12M Target (THB) 78.50
Previous Target (THB) 56.50
What’s new?
- ผู้บริหารปรับ Guidance ผลการดำเนินงานในปี 2565 เติบโต 70% YoY จากเดิม +50% และเติบโตอย่างน้อย 50% ในช่วงปี 2566-67 หนุนจาก Backlogs ที่แข็งแกร่ง และการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- BBIK วางแผนลงทุนขยายและซื้อกิจการอื่นเพื่อพัฒนา Ecosystem ของตัวเองต่อยอดการให้บริการให้ครบวงจรมากขึ้น
Our view
- เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2565-66 ขึ้นเป็น 112 ล้านบาท (+71% YoY) และ 173 ล้านบาท (+ 55% YoY) หลักๆ จากการปรับส่วนแบ่งกำไรจาก Orbit หลังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2566 ที่ 78.50 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 55x เราปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” Valuation ไม่ถูกแต่กำไรที่โตเด่นกว่าคาดหนุนให้หุ้นไปต่อได้
BLUEBIK GROUP เติบโตได้อีกมากบนจุดเด่นของ Business Model และคุณภาพทีมงาน
Backlogs new high สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง // Orbit เสมือน Recurring
Backlogs ณ สิ้น 1Q65 ที่ 459 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 อีกไม่น้อยกว่า 247 ล้านบาท ขณะที่เดือนเม.ย.-พ.ค.65 BBIK ได้รับงานใหม่เข้ามาหนุน Backlogs อีกอย่างน้อย 100 ล้านบาท ทำให้ประมาณการปี 2565 ของเรา Secure รายได้แล้วกว่า 91% ดังนั้นการเติบโตของรายได้ที่ระดับ 30%-40% ต่อปีตามที่บริษัทฯ ตั้งไว้ มี Upside Risk ขณะที่บริษัทฯ Orbit (BBIK Partnership กับ PTTOR โดย BBIK ถือหุ้น 60%) ใน 1Q65 มีรายได้ 31 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ซึ่ง BBIK บันทึกเป็นส่วนแบ่งกำไรราว 7 ล้านบาท เป็นการเติบโตเด่นเทียบกับที่เราคาดการณ์ทั้งปี 2565 จะมีส่วนแบ่งกำไรที่ 14 ล้านบาท สาเหตุจาก NPM ที่ทำได้ 34% ใน 1Q65 ดีกว่า
Guidance 10-15% เนื่องจาก Orbit มีการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 8 ปี
รายได้จาก Orbit เปรียบเสมือน Recurring Income เนื่องจาก PTTOR เป็นทั้งผู้ถือหุ้นและผู้มอบหมายงานให้ Orbit มีแผนที่จะเป็นผู้นำด้าน Digital Mobility & Lifestyle ทำให้มีงานโครงการที่รอพัฒนาอยู่จำนวนมาก ในช่วงหลายปีจากนี้ และสำหรับ PTTOR การมอบหมายงานให้บริษัทที่ตัวเองลงทุน นอกจากจะได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าแล้วยังได้ส่วนแบ่งกำไรกลับคืน ดังนั้นงานที่ถูกส่งมายัง Orbit จึงมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่คนของ BBIK ที่ถูกส่งไปทำงานให้ Orbit จะมีงานโครงการให้ทำตลอดทั้งปี ทำให้มี Utilization rate ดีกว่าพนักงานปกติ
การเติบโตผ่านธุรกิจใหม่ ๆ … ต่อยอดธุรกิจในส่วนที่ BBIK ยังขาดอยู่
BBIK กำลังสร้างการลงทุนผ่านการขยาย และซื้อกิจการอื่นเพื่อต่อยอดการให้บริการให้ครบวงจรมากขึ้น พัฒนาการที่สำคัญเช่น 1) BBIK เริ่มพัฒนาตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Saleforces ชนะงานแรกแล้วราว 30 ล้านบาท แม้จะเป็นตัวเลขที่ยังไม่สูงมาก เพราะ BBIK เน้นสร้างนวัตกรรมบนระบบ CRM มากกว่าการเน้นขายระบบอย่างรายอื่นในตลาด แต่ถือเป็นการพัฒนา Ecosystem ของ BBIK เพื่อต่อยอดธุรกิจ Consulting 2) ภายหลังเข้าซื้อบริษัท GMVPI ทำให้ BBIK เริ่มมีบริการระบบ SAP และอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าใหม่ “LISMA” ที่สร้างนวัตกรรมในระบบหลังบ้าน โดยสามารถแปลงข้อมูลบน SAP ให้มาโชว์บน Line 3) BBIK อยู่ระหว่างธุรกรรมการซื้อบริษัท IT-CAT เจ้าของระบบ HR “HumanOS” ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้นับแสนรายและถูกใช้งานโดยอุตสาหกรรมธนาคาร และ 4) BBIK มีการเติบโตจากต่างประเทศเช่นกัน ล่าสุดเปิด Tech Center ที่อินเดีย รับพนักงานมาแล้ว 48 คน และอีก 38 คนจะเข้ามาใน 2Q65 ช่วยหนุนเป้าหมายที่จะมี Headcount เพิ่ม 100 คนในปี 2565 ทำให้การเติบโตของรายได้ +30%-40% ตลอด 3 ปีข้างหน้าเป็นไปได้
ขณะที่แผนการเติบโต การเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ระดับ +70% YoY และคาดการเติบโตอย่างน้อย 50% ในช่วงปี 2566-67 เป็นระดับที่เป็นไปได้บนฐานทุนที่แข็งแกร่ง การปรับกลยุทธ์ไปร่วมมือกับลูกค้าใน Model เช่นเดียวกับ Orbit (Venture Builder Business Model) มีโอกาสเกิดขึ้นอีกในปี 2566 ทำให้ BBIK มีโอกาสได้รับงานเพิ่มมากขึ้น และได้เติบโตไปพร้อมกับลูกค้าในระยะยาว
ปรับประมาณการและปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2566 ที่ 78.50 บาท/หุ้น
เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2565 ขึ้นเป็น 112 ล้านบาท (+71% YoY) และปี 2566 ขึ้นเป็น 173 ล้านบาท (+55% YoY) หลักๆ จากการปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจาก Orbit หลังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี คาด NPM ที่ 32% จากเดิม 12% ในขณะที่รายได้ในปี 2565-66 เราคาดเติบโตปีละอย่างน้อย 30%
เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2566 ที่ 78.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 55x เราให้ BBIK ซื้อ ขาย สูง เพื่อ สะท้อนการเติบโตในปี 2565-2567 ที่เราคาด CAGR เติบโต 55% เราปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “BUY” แม้ Valuation ไม่ถูกแต่กำไรที่โตเด่นกว่ากลุ่มและประมาณการของเรายังมีโอกาสเกิด Upside Risk อื่นๆ อีกในระยะถัดไป ทำให้หุ้นยังมีความน่าสนใจ
ความเสี่ยงสำคัญ คือ 1) การเติบโตในธุรกิจ Digital ไม่ได้เร็วอย่างที่คาด 2) สูญเสียทรัพยากรบุคคลสำคัญ และ 3) การแข่งขันด้านราคาจากผู้เล่นระดับโลก