EPG เปิดแผนธุรกิจรอบบัญชีปี 65/66 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 12-15% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29-32% เน้นการเติบโตจากธุรกิจหลักอย่างมั่นคง จากการมุ่งเน้นการดำเนินงานใน 3 ด้าน ด้วยการสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth จากธุรกิจหลัก ด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยี กำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมให้เกิดความต่อเนื่อง รวมถึงการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด พร้อมลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในออสเตรเลีย มั่นใจช่วยสร้างผลงานเติบโตแบบก้าวกระโดด
ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แต่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งจากราคาพลังงานและโภคภัณฑ์สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
สำหรับ EPG ซึ่งทำธุรกิจในตลาดโลก จึงนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อสร้างให้เกิดโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง EPG มีความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเป็นผู้เล่นในระดับโลก จึงนำกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ในปีบัญชี 65/66 (เม.ย.65 – มี.ค.66) โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานใน 3 ด้าน ด้วยการสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth จากธุรกิจหลักด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยี กำลังการผลิตที่ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมให้เกิดความต่อเนื่องของ New S-Curve รวมถึงการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
ขณะเดียวกัน ยังสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth ด้วยการลงทุน M&A และ Joint Venture เพิ่มงบลงทุนในธุรกิจวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต และตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ net zero ภายในปี 2585
ด้านแผนการดำเนินงานในปีบัญชีนี้ EPG ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 12-15% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29-32% มาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลักคือ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10-12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พร้อมแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ๆ ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย สำหรับการลงทุนใน Aeroflex USA Inc. สหรัฐฯเพื่อขยายกำลังการผลิต ได้นำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เ พื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปัจจุบัน Aeroflex USA Inc. สหรัฐฯ มีกำลังการผลิตที่ 8,000 ตันต่อปี ส่งผลให้สามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และระบบ Air Ducting system
อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมการใช้พลังงานก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น Aeroflex จึงตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2585 โดยในปีบัญชี 65/66 (เม.ย.65 – มี.ค.66) ได้จัดทำมาตรการอนุรักษ์พลังงานเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขององค์กร พร้อมติด Solar Roof top มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 4 เมกกะวัตต์ ขณะเดียวกัน บริษัทย่อยอื่นๆ เช่น Aeroklas และ EPP ได้มีการติดตั้ง Solar Roof top เช่นกัน จึงทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 18 เมกกะวัตต์ และสามารถดูดกลับก๊าซเรือนกระจก 13,500 ton Co2eq อีกทั้งสามารถประหยัดค่าไฟฟ้ารวมประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23% โดยยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ช่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Aeroklas ประกอบด้วยลูกค้ากลุ่ม OEM, ODM และ After Market ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ Aeroklas ได้รับประโยชน์จากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังมุ่งไปทางยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตยานยนต์ต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และน้ำหนักเบา
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลีย โดย TJM Products Pty.Ltd. (TJM) ออสเตรเลีย เปลี่ยนชื่อเป็น Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) โดยมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเสริมการทำงานร่วมกันของธุรกิจและทุกแบรนด์ในออสเตรเลียในอนาคต
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8% โดยยังคงให้ความสำคัญกับการนำกลยุทธ์ Capacities Driven มาบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ EPP ผ่านการสื่อสารแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมได้หลากหลายชนิด สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การดำเนินงานด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัท อีพีจี อินโนเวชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ไม่เพียงแต่สนับสนุนธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ ด้วยการสร้างสินค้านวัตกรรม New S-Curve แต่ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้านวัตกรรมสำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ Aeroklas Australia Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPG เข้าซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ในประเทศออสเตรเลีย โดยการซื้อหุ้น 100% มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ1,888.3 ล้านบาท โดย 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ออสเตรเลีย ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ในกลุ่มของ suspension products เช่น shock absorbers/ coil springs/ leaf springs และชุดตกแต่งสำหรับรถกระบะ ภายใต้แบรนด์ Tough Dog ซึ่งการซื้อกิจการครั้งนี้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า อีกทั้ง แบรนด์ Tough Dog มีชื่อเสียงที่ดีในด้านคุณภาพสินค้า และช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศออสเตรเลียและต่างประเทศ รวมถึงเกิด synergy ในการลดต้นทุน และเพิ่มรายได้กับธุรกิจในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
**********