SSP ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/65 ทำนิวไฮอีกครั้ง หลังบุ๊กกำไรขายโซลาร์ฟาร์ม แดนปลาดิบ กำลังการผลิต 17 เมกกะวัตต์ มูลค่ากว่า 230 ล้านบาท หนุนกำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท เผยมีเงินสดเต็มหน้าตัก พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า Renewable ทั้งในและต่างประเทศเต็มรูปแบบ มุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในปี 67 หนุนผลงานนิวไฮต่อเนื่อง ลุ้นเวียดนามเคาะแผนพัฒนาพลังงานเร็วๆ นี้ พร้อมลุยวินด์ฟาร์มเต็มสูบ
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ฮิดากะ ขนาด 17 เมกกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะรับรู้กำไรเข้ามาในไตรมาส 2/65 ทันที จำนวน 230 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้โรงไฟฟ้าทั้งหมดได้เต็มไตรมาส ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา SSP ได้มีการปรับกลยุทธ์ขยายการลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ ตอกย้ำให้เห็นว่า บริษัทไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า Greenfield หรือโซลาร์ฟาร์มเพียงอย่างเดียว แต่กำลังมุ่งหน้าไปสู่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable) อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการทำ M&A และลงทุนโรงไฟฟ้า Brownfield ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และวินด์ชัยฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 25% ซึ่งล้วนเป็นโครงการที่บริษัทประสบความสำเร็จในการลงทุนในช่วง 1 ปีผ่านมา จากการสั่งสมประสบการณ์ของทีมงานผู้บริหารที่มีความเข้าใจธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นอย่างดี ทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้า
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก โดยมีความคืบหน้าในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ เตรียมจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 2/67 และการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ขนาดใหญ่ ในประเทศเวียดนาม ตามแผนพัฒนาพลังงานที่กำลังจะประกาศเร็วๆ นี้ โดยบริษัทวางเป้าหมายกำลังการเผลิตเพิ่มเท่าตัวแตะ 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 228 เมกะวัตต์
ขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้และกำไรสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท โดยมีรายได้รวม 861.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 360.7 ล้านบาท หรือ 72% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 294.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.7 ล้านบาท หรือ 61% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 688.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275.1 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
“การที่กำไรในไตรมาส 1/65 เติบโตอย่างโดดเด่น ได้รับปัจจัยหนุนจากรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 1 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ และวินด์ชัยฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 25% ซึ่งล้วนเป็นโครงการที่บริษัทประสบความสำเร็จ” นายวรุตม์ กล่าว
*****