บล.ทรีนีตี้

ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ – ALL

เพิ่มสัดส่วนรายได้สู่กลุ่มแนวราบ คาดปี 65 พลิกเป็นกำไร

  • ยังคงขาดทุนสุทธิ 1Q65 ที่ 77.4 ล้านบาท แต่ลดลงจากขาดทุนสุทธิใน 4Q64 ที่ 205 ล้านบาท และใกล้เคียงกับขาดทุนสุทธิใน 1Q64 ที่ 71.8 ล้านบาท
  • รายงานรายได้จากการโอน 174 ล้านบาท ลดลง 17.2% QoQ และ 26.1% YoY
  • คาด 2Q65 มียอดโอน และกำไรฟื้นตัวได้ QoQ จากฐานที่ต่ำ
  • ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ลงเป็น 278 ล้านบาท (จากคาดการณ์เดิมที่ 306 ล้านบาท) โดยปรับลดยอดการรับรู้รายได้จากยอดขายและยอดโอนที่ชะลอตัวลง แม้ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปี 2564 แต่ยังไม่สามารถกลับมายืนที่ระดับ Pre-COVID
  • คาด Gross Margin ในปี 2565 จะกลับสู่ระดับ 34% ได้หลังจากเริ่มโอนโครงการใหม่ ทั้งคอนโดและแนวราบ
  • ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 1.33 บาท/หุ้น (หลังปรับพาร์เป็น 0.50 บาท/หุ้น จาก 1.0 บาท/หุ้น) ยังคงอิง P/E 7X (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 6.5X)

1Q65 Earnings Review

  • ALL รายงานขาดทุนสุทธิ 1Q65 ที่ 77.4 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากที่ขาดทุนสุทธิใน 4Q64 ที่ 205 ล้านบาท และใกล้เคียงกับขาดทุนสุทธิใน 1Q64 ที่ 71.8 ล้านบาท โดยที่มีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ 174 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 17.2% QoQ และ 26.1% YoY
  • Gross Margin ในช่วง 1Q65 อยู่ที่ 37.2% จากระดับ 20% ใน 4Q64 และจาก 28% ในช่วง 1Q64 โดยมีการปรับราคาขายมาอยู่ที่ระดับ Pre-COVID และมี Gross Margin ที่สูงขึ้นจากการโอนโครงการ The Excel Ratchada 18
  • ยังคงมีการรับรู้ขาดทุนจากการร่วมทุนที่ 17 ล้านบาท จากขาดทุน 28 ล้านบาทใน 4Q64 และจาก 20.6 ล้านบาทใน 1Q64 เนื่องจากปัจจุบันมีการโอนโครงการภายใต้การร่วมทุนโครงการเดี่ยว ได้แก่ โครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50

ปรับลดคาดการณ์ยอดโอนและกำไรปี 2565 ลง

ปรับลดคาดการณ์รายได้จากการโอนปี 2565 ลงจาก 2.48 พันล้านบาท เป็น 2.09 พันล้านบาท เป็นการเติบโต 88.8% YoY จากฐานที่ต่ำในช่วงปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown และมีการเริ่มโอนโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ แต่ปี 2565 คาดว่าจะมีการเริ่มโอนโครงการคอนโดใหม่ 1 โครงการ และโครงการแนวราบใหม่ 1 โครงการ และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 278 ล้านบาท จากเดิมที่ 306 ล้านบาท สามารถพลิกจากขาดทุนสุทธิปี 2564 ที่ 347 ล้านบาท ทั้งนี้ ALL มียอด Backlog รวมที่ 6.1 พันล้านบาท และเป็นยอดที่รอโอนในปี 2565 ที่ 1.8 พันล้านบาท และมี Upside จากการโอนโครงการแนวราบใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว (แผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 2 โครงการ พร้อมโอนใน 4Q65 จำนวน 1 โครงการ)

ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 1.33 บาท

ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 1.33 บาท/หุ้น จาก 3.22 บาท/หุ้น หลังจากที่มีการปรับพาร์เป็น 0.50 บาท/หุ้น จาก 1.0 บาท/หุ้น และจากการปรับคาดการณ์กำไรปี 2565 ลงมาอยู่ ที่ 278 ล้านบาท จาก 306 ล้านบาท โดยยังคงอิงค่า P/E ที่ 7.0X และจาก EPS 2565 ที่ 0.19 บาท/หุ้น (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 6.5X)

ความเสี่ยง : เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว, ความล่าช้าของวัคซีนป้องกัน COVID-19, การแข่งขันและการลดราคาเพื่อเพิ่มยอดขาย, ลูกค้าต่างชาติยังไม่ฟื้นตัว, มาตรการ LTV

คาดรายได้ปี 2565 มีอัตราการเติบโต 88.8% YoY

คาดรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ที่ 2.09 พันล้านบาท (จากคาดการณ์เดิมที่ 2.48 พันล้านบาท) เติบโต 88.8% YoY เราปรับคาดการณ์ยอดโอนลง หลังจากที่การโอนใน 1Q65 นับเป็นเพียง 9.8% ของที่เราคาดการณ์ใหม่ เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดคอนโดยังพึ่งพิงลูกค้าในปะเทศ และคาดว่าในช่วง 2H65 จะสามารถเห็นยอดขายและโอนที่เร็วขึ้น และมี Gross Margin ที่สูงขึ้นอย่างโดดเด่นใน 1Q65 ที่ 37.2% และปัจจุบัน ALL มียอด Backlog รอโอนรวม 6.1 พันล้านบาท เป็นยอดโอนของปี 2565 ที่ 1.8 พันล้านบาท (รวมโครงการร่มทุน) และมียอด Unsold ที่ 7.64 พันล้านบาท ที่จะมาช่วยเพิ่มยอดขาย

ด้านรายได้จากการบริการ คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในช่วง 2H65 เป็นต้นไป เนื่องจากรายได้จากการบริการจะมาจากการนำโครงการของ Developer อื่นๆ ไปขายยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มกลับมามี Demand อีกครั้งในช่วง 2H65

คาดกำไรปี 2565 ที่ 278 ล้านบาท (จากคาดการณ์เดิมที่ 306 ล้านบาท) พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ 347 ล้านบาทในปี 2564 จากยอดโอนที่สูงขึ้นจากมีโครงการคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ The Excel Lasalle 17 ที่เริ่มโอนไปแล้ว และโครงการแนวราบใหม่ที่คาดว่าจะพร้อมโอนในช่วง 4Q65 จำนวน 1 โครงการ ทั้งนี้ คาดระดับ Gross Margin จะฟื้นตัวได้จากระดับ 21% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 34% ในปี 2565 หลังจากที่ Gross Margin ใน 1Q65 ทําได้โดดเด่นที่ 37.2%

โครงการในอนาคต

ALL มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด

ประเมินมูลค่าพื้นฐาน

เราใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้น ALL จากการอิงคาดการณ์ EPS ปี 2565 ที่ 0.19 บาท/หุ้น ที่พาร์ 0.5 บาท/หุ้น (จากเดิม 0.46 บาท/หุ้น ที่พาร์ 1.0 บาท/หุ้น) และค่า P/E ที่ 7X โดยที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในปัจจุบันอยู่ที่ 6.5X ส่งผลให้มีราคาเป้าหมายในปี 2565 ที่ 1.33 บาท เราแนะนำ “ถือ” จากยอดขายและยอดโอนที่ชะลอตัวลง แม้จะสามารถฟื้นตัวได้จากฐานที่ต่ำในช่วงปี 2564 แต่ยังไม่สามารถมีรายได้กลับมายืนที่ระดับ Pre-COVID อย่างไรก็ดี  Margin สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะสามารถทำระดับ Gross Margin ที่ 34% ได้ในปี 2565 รวมทั้งการที่ ALL มียอด Backlog จากโครงการใหญ่รอโอนจนถึงปี 2567 และกำไรจะโตอย่างโดดเด่นเมื่อมีการบันทึกกำไรส่วนแบ่งจากการร่วมทุน (จากการลงทุนในโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50, The Impression Ekkamai ) และการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบที่มี Demand สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- Advertisement -