ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ลงต่อแต่จะไม่ลงแรงเท่าต่างประเทศ รอติดตามผลประชุมเฟด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ ปรับลงต่อ…. หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง (ตามคาด) ตามทิศทางของตลาดหุ้นเอเชียที่ลงค่อนข้างแรง และฟันด์โฟลว์ต่างชาติขายสุทธิหนักขึ้นอีก… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลงหนักเมื่อวันศุกร์ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) พ.ค. พุ่งขึ้น 8.6% YoY สูงกว่าที่ consensus คาดการณ์ไว้ และทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 40 ปี ซึ่งรายงานดังกล่าวส่งผลให้ตลาดกังวลว่า ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงและต่อเนื่อง เพื่อสกัดเงินเฟ้อและอาจกดดันเศรษฐกิจมากขึ้นอีก ii) สัญญา CME Fed Fund Futures ขยับเป็นให้น้ำหนักดอกเบี้ยสหรัฐฯ สิ้นปี 2565 อยู่สูงถึง 3.50% และดันให้ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งแรงมาก ล่าสุดบอนด์ยิลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเดิมที่ 3.20% ขณะที่เช้านี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าใกล้ระดับอ่อนสุดเมื่อกลาง พ.ค. น่าจะกดดันฟันด์โฟลว์ในช่วงสั้น…. ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่จะยังชะลอเพื่อติดตามผลประชุมเฟด คืนวันที่ 15 มิ.ย. เวลาประเทศไทย ซึ่งเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 1.50% และมีการปรับมุมมองดอกเบี้ยรวมทั้งประมาณการเศรษฐกิจ/เงินเฟ้อสหรัฐฯ ด้วย…ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ชะลอตัวต่อสู่ 1,801 ราย เสียชีวิต 15 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 2,330 ราย

ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงทางลงไม่มากในรอบปรับฐานนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยหนุนการฟื้นตัวหลายประการ (ท่องเที่ยวฟื้นตัว เปิดประเทศเต็มรูปแบบ การใช้จ่ายบริโภคยังแข็งแกร่ง) + แนวโน้มดอกเบี้ยภายในประเทศปรับขึ้นน้อยกว่าต่างประเทศ… ทั้งนี้หากถึงการคำนวณ earings yield gap ที่สมมติฐานค่าเฉลี่ยระยะยาว 4.0% และบอนด์ยีลด์ 10 ปีของไทยที่ 3.0% เรามอง downside risk ของ SET Index อยู่ที่ 1,590 จุด หรือประมาณ 3% จากระดับปัจจุบัน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร BLA*, BBL* SHR

  • BLA* (เป้า Consensus 53 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 40 บาท / แนวต้าน 42 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 44.5 บาท (Stop loss 38.5 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากแนวโน้มขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ทั้งผลจาก Sentiment Bond yield สหรัฐฯ และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย (ฝ่ายวิจัยฯ คาด 2H65 ปรับขึ้น 0.5%) 3) Valuation ไม่แพง Forward PE 14.7 เท่า ขณะที่คาดอัตราการเติบโตของ EPS +36% ต่อปี (CAGR 2564 – 66) เท่ากับ PEG ต่ำเพียง 0.6 เท่า และ PBV 1.49 เท่า คิดเป็นเพียงราว -0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 133 บาท และ 131 บาท ตามลำดับ / แนวต้าน 135 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-140 บาท (Trailing stop 130 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีกว่าคาด จากการเตรียมเปิดประเทศ ส่งผลให้ที่ประชุม กนง. ส่งสัญญาณการเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 2H65 เป็นประเด็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้งในมุมด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (คาดสินเชื่อกลับมาโต + NPL แนวโน้มชะลอ) และด้านอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.52 เท่า คาด Dividend yield ปี 2565 – 66 เท่ากับ 2.8% – 3.6% ตามลำดับ
  • SHR (เป้าพื้นฐาน 6.0 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.46 บาท / แนวต้าน 4.8-5.0 บาท (Stop loss 4.4 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงาน 2Q65 จะฟื้นตัวได้เด่นที่สุดในกลุ่มโรงแรม จากการที่มีโรงแรมในยุโรปและมัลดีฟส์ (High season) และในไทย (รับการเปิดประเทศ) โดยอัตราการเข้าพักใน 2Q65 เริ่มฟื้นตัวแรง QoQ 3) Valuation ไม่แพง PBV 1.05 เท่า ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดปีนี้ EBITDA ฟื้นตัวบวกแรง +1,800 ล้านบาท (จาก +500 ล้านบาทในปีก่อน)

หุ้นมีข่าว

(+) ชิงดาวเทียม ส.ค.นี้ โฟกัส THCOM จ่อเฮ! (ทันหุ้น) กสทช. เร่งสรุปแนวทางจัดประมูลวงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด เปิดไทม์ไลน์ชัดร่าง TOR เสร็จกรกฎาคม ตีกรอบประมูลสิงหาคมนี้ ด้านนักวิเคราะห์พุ่งเป้า THCOM เต็งชนะ ชี้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม หนุน THCOM วางแผนธุรกิจง่ายขึ้น แต่ต้องจับตาราคาประมูล และแผนลงทุนรอบใหม่ ระยะสั้นมีหุ้นส่วนแบ่งรายได้จาก NT

(+ กลุ่มรับเหมาฯ) ซึ่งเค้กสายสีส้ม 1.4 แสนล.คึก (ไทยโพสต์) 14 บริษัทยื่นซื้อซอง/รฟท.เดินรถสินค้า มาบตาพุด-บัวใหญ่ ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม วงเงิน 1.4 แสนล้าน คึกคัก 14 บริษัทไทย-เทศแห่ซื้อซอง ชิงเค้ก รฟม.เผย 15 มิ.ย.นี้ชี้แจงรายละเอียดการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ด้าน รฟท.จับมือเอกชนเปิด เดินขบวนรถสินค้าบรรทุกเกลือ มาบตาพุด-ชุมทางบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา หนุนเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าภายในประเทศ

(+) ธปท.เปิดทาง BAM* – KTB* ร่วมจัดตั้ง ‘JV AMC ได้ (ข่าวหุ้น) เปิดเกณฑ์แบงก์ชาติตั้ง “JV AMC” เผย KTB* และ BAM* ร่วมตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ได้ แม้กองทุนฟื้นฟูฯ หรือ FIDF จะถือหุ้นทั้งสองสถาบันการเงิน ด้านผู้บริหาร BAM* มีแบงก์พาณิชย์ และ AMC เข้ามาเจรจาเพื่อจัดตั้ง JV รวม 7 แห่ง ในจำนวนนี้มี 2 แห่ง ที่ภาครัฐถือหุ้นอยู่

(+) AQUA-NEWS ลุยฟินเทค เจาะสินเชื่อระหว่างบุคคล (ทันหุ้น) AQUA ประกาศจับมือ NEWS เดินหน้าธุรกิจฟินเทค ทุ่ม 500 ล้านบาท เข้าลงทุนธุรกิจ Peerto-Peer Lending พร้อมเปิดตัว Peerto-Peer (P2P) Lending เจ้าแรกของไทย ส่ง Peer for All รุกตลาดสินเชื่อระหว่างบุคคล เสริมแกร่ง

(+) HUMAN บุ๊กกำไร DataOn หนุนโต เร่งปิดดีลซื้อ SGMY ในมาเลเซียสิ้นเดือนนี้ (ข่าวหุ้น) “ฮิวแม นิก้า” ปิดดีลซื้อกิจการ DataOn Group ในอินโดนีเซีย มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เริ่มบุ๊กกรายได้-กำไรตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเตรียมซื้อหุ้น SGMY ในมาเลเซีย 55% ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26.0 บาท / แนวต้าน 27.0-27.5 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 18 บาท) แนวรับ 15.6 บาท / แนวต้าน 16.0-6.5 บาท (Trailing stop 15.5 บาท)
  • IVL* (เป้าพื้นฐาน 59 บาท) แนวรับ 50.5 บาท / แนวต้าน 52-54.5 บาท (Trailing stop 49.0 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 12.4 บาท / แนวต้าน 13.0-13.3 บาท (Stop loss 12.4 บาท)
  • UBE (เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท) แนวรับ 2.0 บาท / แนวต้าน 2.08-2.12 บาท (Stop loss 1.98 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 12.4 บาท / แนวต้าน 13.0-13.4 บาท (Stop loss 12.4 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 26.6 บาท) แนวรับ 20.7 บาท / แนวต้าน 21.5-22.0 บาท (Stop loss 20.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

PTTEP แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 173 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯขึ้นสะท้อน i) ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้ขึ้น ii) ปรับสมมติฐานปริมาณขายเพิ่มขึ้น (จากโครงการ Erawan) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯแนะนำเพียง “ถือ” เพราะประเมินราคาหุ้นปรับขึ้นสะท้อนประเด็นบวกพอสมควรแล้ว ขณะที่มีความเสี่ยงที่ราคาพลังงานจะเริ่มชะลอตัวลงใน 2H65 จาก i) ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม OPEC+ ในเดือน กค-สค นี้ รวมทั้ง โอกาสที่สหรัฐฯ จะยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่าน + เวเนซุเอล่า

- Advertisement -