บล.ทิสโก้:

บมจ. ทานตะวันอุตสาหกรรม – THIP

คาดกำไรสุทธิยังคงเติบโต YoY จากดีมานด์ที่มีสูง

ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” แต่คาดยังมี upside จากยอดขายยังคงเติบโต

THIP รายงานกำไรสุทธิ 1Q22 สูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ 119 ล้านบาท (+45% YoY, -11% QoQ) สำหรับผล ประกอบการใน 2Q22F เราคาดจะอ่อนตัว QoQ จากปัจจัยด้านฤดูกาล แต่ยังคงเติบโต YoY จากการบริหารด้านต้นทุนที่ดีขึ้น และผลการปรับราคากับลูกค้า และสำหรับปี 2022F เรายังคงคาดผลประกอบการของ THIP จะเติบโต 16% (กำไร 1Q22 คิดเป็น 27% ของคาดการณ์ทั้งปี) โดยมีปัจจัยบวก คือ ความต้องการสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมทั้งผลจากการเตรียมรับมือกับต้นทุนที่ปรับขึ้น ซึ่งเราคาดจะเริ่มทยอยเห็นผลในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ต้นทุนวัตถุดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงประมาณการและราคาเหมาะสม แม้กำไร 1Q22 จะสูงกว่าคาด ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 42 บาท แต่เราแนะนำ “ถือ” (ปรับลดคำแนะนำจากเดิม “ซื้อ”) โดย THIP เป็นบริษัทที่สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีสถานะเงินสดสุทธิ (Net Cash company) และจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง โดยประเมินอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที 5-6% สำหรับปี 2022-24F

THIP รายงานกำไรสุทธิ 1Q22 ดีกว่าที่คาด

THIP รายงานกำไรสุทธิ 1Q22 อยู่ที่ 119 ล้านบาท เติบโต 45% YoY แต่ลดลง 11% QoQ ทั้งนี้ในไตรมาสบริษัทมีรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 11 ล้านบาท และกำไรจากการปรับปรุงราคาตลาด 7 ล้านบาท โดยรายได้ใน 1Q22 อยู่ที่ 1,109 ล้านบาท (+36% YoY, +4% QoQ) โดยยอดขายต่างประเทศ (สัดส่วน 88.5%) เติบโต 38% YoY, 6% QoQ มาที่ 981 ล้านบาท จากความต้องการสินค้าของกลุ่มลูกค้าในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนยอดขายในประเทศเติบโต +23% YoY, -6% QoQ มาที่ 128 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของสถานการณ์ในประเทศ โดยสินค้ากลุ่มถุง (สัดส่วน 90%) ยังคงเติบโต 37% YoY, 6% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 19.4% จาก 21.8% ใน 1Q21 และ 24.1% ใน 4Q21 สาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในไตรมาสส่งผลให้ SG&A/Sale ลดลงมาอยู่ที่ 8.8% ทำให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.7% สูงกว่า 1Q21 เล็กน้อย

คาดแนวโน้มใน 2Q22F จะอ่อนตัว QoQ แต่ยังคงเติบโต YoY, คงประมาณการเดิม

ผลประกอบการ 1Q22 คิดเป็น 27% ของประมาณการผลประกอบการปี 2022F ของเราที่ 442 ล้านบาท (+16% YoY) เราคาดแนวโน้ม 2Q22F จะอ่อนตัว QoQ แต่ยังเติบโต YoY ตามด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q22 รวมกับไตรมาส 2 มีวันหยุดยาวที่มีผลต่ออัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัท จะส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสให้อ่อนตัว QoQ แต่คาดจะยังคงสูงกว่า 17.3% ใน 2Q21 แต่คาดผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโต QoQ ได้ใน 3Q22F จากคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตที่คาดจะสูงขึ้นกว่า 2Q22 ตามวันหยุดยาวที่น้อยกว่า และแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งผลจากการทยอยปรับราคาขายสินค้ากับลูกค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบ ทั้งนี้ จากการประเมิน sensitivities อัตรากำไรขั้นต้นที่เปลี่ยนแปลงทุกๆ 1% จะส่งผลต่อกำไรสุทธิปี 2022F ราว 8% และมูลค่าที่เหมาะสม 9%

ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” คงมูลค่าที่เหมาะสม 42 บาท

ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 42 บาท (อิงจาก PER 8.5 เท่าปี 2022F จากค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีตระหว่างปี 2017-20 ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เฉลี่ยที่ 13 เท่า) ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 5-6% เราแนะนำ “ถือ” (จากเดิม “ซื้อ”) upside downside มาจากยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง/แย่ กว่าที่คาด

- Advertisement -