Daily Focus: Value and Defensive Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าที่คาด ปิดลบ 9.49 จุด ณ สิ้นวัน ลงทดสอบบริเวณ 1,590+- จุด อีกครั้ง ลดความเสี่ยงระยะสั้นก่อนทราบผลการประชุม FED ที่คาดดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเร็ว สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 662 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่น 2.4 พันลบ. (แต่ยัง Short Index Futures อีก 1.5 หมื่นสัญญาล้างสถานะ Long ก่อนหน้าตลอดปีนี้หมด)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index รีบาวด์ขึ้นทดสอบระดับ 1,610-1,615+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกระยะสั้น นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม และถ้อยแถลงของประธาน FED ที่เน้นย้าถึงเป้าหมายในการกดเงินเฟ้อให้ลงหากรอบ 2% โดยมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เมื่อคืน และส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 0.5-0.75% ในเดือน ก.ค. ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตชะลอตัวในปี 2022-2023 ที่ระดับปีละ +1.7% ส่งผลให้เม็ดเงินพลิกกลับมาไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น รวมถึง Bond Yield และ Dollar Index ที่อ่อนตัวลง ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามากระตุ้น แต่แนวโน้มเศรษฐกิจที่เร่งตัวแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังไม่สูงเท่า และหลักๆ กระจุกในหมวด พลังงาน เรามองว่าภาพรวมของ SET Index จะปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในระยะกลาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เราแนะนำ “เก็งกำไร” ลุ้นรีบาวด์ไปแล้ววานนี้ที่ระดับ 1,590+- จุด ส่วนระยะกลาง-ยาวยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Value และ Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจําเป็น รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศระยะยาว
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : SISB
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท
- เราคาดกําไรจะกลับมาเร่งตัวและเป็นขาขึ้น Q-Q และ Y-Y ชัดเจนใน 2Q22 หลังกลับมาเปิดการเรียนการสอนปกติ จํานวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาอีก หนุนกำไรโตต่อเนื่องใน 2H22
- คาดกำไรปี 2022-2023 โตเฉลี่ยราว 37% ต่อปี ระยะยาวการเติบโตถูกรองรับด้วยการเปิด 2 Campus ใหม่ที่นนทบุรีและระยอง ภาพรวมกําไรกลับเข้าสู่ Growth Stage อีกครั้ง ในปี 2022-2026
- แนวรับ 11.60//11 บาท แนวต้าน 12.50//13 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$1,351 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$716 ล้าน และ US$481 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$55-69 ล้าน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้มีโอกาสพลิกมาไหลเข้าระยะสั้น หลังผลการประชุม FED โดยรวมออกมาตามคาด ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย การลดงบดุล และการปรับประมาณการเศรษฐกิจ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(0) FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด จาก 0.75-1% ขึ้นเป็น 1.5-1.75% ปรับขึ้นแรงสุดนับตั้งแต่ปี 1994 เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของ FED มาก และส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 0.5-0.75% ในการประชุมเดือน ก.ค. ขณะที่ Dot Plot ล่าสุดสะท้อนเสียงคณะกรรมการส่วนใหญ่มองดอกเบี้ย FED ปีนี้จบที่ 3.25-3.5% ขณะที่ปี 2023 คาดที่ 3.75% ส่วนประมาณการเศรษฐกิจปี 2022 ปรับลงจาก +2.8% เหลือ +1.7% ส่วนปี 2023 ปรับลงจาก +2.2% เหลือ +1.7% เช่นกัน ก่อนเร่งตัวในปี 2024 ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานคาดอยู่ที่ 4.3% ในปีนี้ก่อนชะลอลงเหลือ 2.7% และ 2.3% ในปี 2023-2024 โดยรวมผลการประชุมออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาดเม็ดเงินไหลกลับ เข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นหลังจากไหลออกรุนแรงไปแล้วในช่วง 3-4 วันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เรายังประเมินความผันผวนยังสูง และยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการจำเป็น ได้แก่ อาหาร เนื้อสัตว์ การแพทย์ โรงกลั่น และปั๊มน้ามัน เป็นต้น
(+) BRI ยอด Presales 2QTD แข็งแกร่ง 2.1 พันลบ. จากยอดขายโครงการเดิมที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเปิดโครงบการใหม่ ขณะที่ 2H22 จะเปิดโครงการเร่งตัวขึ้นเป็นบวกต่อก่าไรใน 2H22-2023 เราคาดแนวโน้มกำไรปกติในทุกไตรมาสที่เหลือของปีจะไต่ระดับขึ้น Q-Q และ Y-Y ดามยอดโอนที่เร่งตัว เราคาดกำไรปกติปีนี้ +89% Y-Y ปัจจุบัน ราคาหุ้นเทรด PER เพียง 7 เท่า และให้ Dividend Yield 5.6% คงราคาเป้าหมาย 14.20 มาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50-SET100 งวด 2H22 สำหรับ SET50 คาดหุ้น เข้า JMT JMART หุ้นออก RATCH STGT ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า AAV ASK FORTH ONEE PSL TIPH หุ้นออก BPP MAJOR RS SIRI STEC TTA
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 303.70 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 30,668.53 จุด หลังเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% – 0.75% ในการประชุมเดือน ก.ค.
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ฟื้นตัวหลังปรับลงติดต่อกัน 6 วันในช่วงก่อนหน้า ท่ามกลางติดตามการดำเนินนโยบายการเงินจากธนาคารกลางรายใหญ่ หลายแห่งในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์, เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งรวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น อยู่ที่บริเวณ 34.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3.62 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 115.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดลดลง 1.1 ล้าน บาร์เรล
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,819.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกลดลง 0.3% M-M ในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% และ เดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.7%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,063.93 / +-