บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
SISB (SISB.BK/SISB TB) แนวโน้มยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Event
แนวโน้มของบริษัทในอีกห้าปีข้างหน้า และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566
Impact
แนวโน้มธุรกิจหลังจากที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 1Q65
จากผลประกอบการ 1Q65 ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ ใน 1Q65 เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ SISB จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในอีกสามไตรมาสที่เหลือของปีนี้ โดยผลประกอบการที่น่าพอใจเกิดขึ้นจาก i) ไม่มีการให้ส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 (จากที่ให้ส่วนลดค่าเล่าเรียน 5%-15% สำหรับเทอม 1 ระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564) และ ii) จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,736 คนใน 2Q65 (+4.3% QoQ จาก 2,622 คนใน 1Q65) โดยในเบื้องต้น เราประเมินว่าผลประกอบการของบริษัทใน 2Q65 จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ (เมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียนที่ 2,589 คน ใน 2Q64 และ 2,622 คนใน 1Q65 แม้ไม่มีการปรับค่าธรรมเนียมเฉลี่ยในแต่ละไตรมาส) สำหรับแนวโน้มใน 2H65 เราคาดว่าผลประกอบการของ SISB จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น HoH เนื่องจาก ii) จำนวนนักเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น iii) มีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเฉลี่ย นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอัตรากำไรจะยังคงอยู่ในระดับสูง จากฐานที่แข็งแกร่งของจำนวนนักเรียนในระดับประถมและมัธยม (>78% ของ จำนวนนักเรียนทั้งหมดใน 1Q65)
SISB จะเพิ่มจำนวนนักเรียนในอีกห้าปีข้างหน้า
SISB คาดว่าจำนวนนักเรียนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 300-600 คนในช่วงปี 2565-2569 โดยในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าจำนวนนักเรียนไว้ที่ 2,750 คน (เราคาดไว้ที่ 2,784 คน) จากการขยาย campus ที่ธนบุรี และบริษัทยังคาดว่าจำนวนนักเรียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,350 คน (+600 คนจากนนทบุรีเฟสที่ 1 และ ระยองเฟสที่ 1) และ 3,650 คน (เติบโตตามปกติ) ในปี 2566-2567 ตามลำดับ ดังนั้น จำนวนนักเรียนของ SISB จึงน่าจะเพิ่มขึ้น 9% ถึง 21% ในช่วงปี 2566-2567F ซึ่งยังไม่รวมการปรับขึ้นค่าเล่าเรียนเฉลี่ย และโครงสร้างนักเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป
คงประมาณการกำไรปี FY65-66 เอาไว้เท่าเดิม
เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น เราจึงคาดว่าบริษัทน่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะโรงเรียนกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้ว นอกจากนี้ SISB ยังแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถรับมือกับวิกฤติได้ โดยสามารถคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทจึงน่าจะออกมาดีต่อเนื่องในปี 2565-2566 เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F เอาไว้เท่าเดิมที่ 277 ล้านบาท (+32.6% YoY) และปี 2566F ที่ 338 ล้านบาท (+22.2% YoY) โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 48.0% ในปี 2565F และเป็น 49.0% ในปี 2566F (จาก 47.1% ในปี 2564)
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 14.50 บาท (PE ปี FY66F ที่ 40.3x เท่ากับ ค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง) จากเดิมที่ 11.90 บาท (อิงจากปี 2565F)
Risks
COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง