Our View? “รับแรงกระแทก”

คาดตลาดวันนี้ “แกว่งลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,580 / 1,590 ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงตามความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ โดยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของ FED คาดอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 3.40% อีกทั้งการที่ FED ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐในปีนี้จากระดับ +2.8% เป็นระดับ +1.7% รวมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อจากคาดที่ +4.3% สู่ระดับ +5.2% สะท้อนภาวะเงินเฟ้อยังน่าเป็นห่วงและเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอยได้ในระยะถัดไป คาดจะยังกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงได้ต่อ

ผสานการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อ ในช่วงเดือน ก.ค. เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า พร้อมเมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.25% สะท้อนแนวโน้มสภาพคล่องที่ลดลงของตลาดโดยรวม กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม

รวมทั้งตลาดเมื่อคืนนี้มีช่วงในการเกิดภาวะ Inverted Yield Curve โดย US Bond Yield รุ่นอายุ 5 และ 7 ปี ปรับตัวขึ้นสูงกว่ารุ่นอายุ 10 และ 30 ปี สะท้อนภาพความกังวลการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ เป็นปัจจัยกดดันตลาดได้เพิ่มเติม

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวนก่อนจะฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 17.59 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.28 ดอลลาร์ (+1.98%) โดยกลับมาได้แรงหนุนจากการที่กำลังการผลิตน้ำมันของลิเบียปรับตัวลดลงสู่ระดับเพียง 1.0-1.5 แสนบาร์เรล/วัน จากกำลังการผลิตที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงปีที่แล้ว หลังเผชิญปัญหาการส่งมอบน้ำมันจากความไม่สงบภายในประเทศ อีกทั้งการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทอิหร่าน, จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยอ้างประเทศดังกล่าวให้ความช่วยเหลืออิหร่านในการส่งออกปิโตรเคมี คาดจะหนุนราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้อีกครั้งช่วยประคองตลาดได้บ้าง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรามองตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบเป็น Overhang ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ต่อไปคาดยังกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อาทิ 1.) ความพยายามในการปรับลดราคาน้ำมันผ่านทางการลดค่าการกลั่นของรัฐบาล โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ กระทรวงพลังงานจะออกมาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นให้นำส่งกําไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากการกลั่นน้ำมันส่วนเกิน เข้ากองทุนน้ำมัน กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค. – ก.ย. ’65 มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซของ PTT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ คาดจะให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ คาดจะกดดันทิศทางตลาดปรับตัวลงได้ 2.) ความกังวลในการเตรียมเก็บภาษีหุ้น (FIT) คาดจะส่งผลให้สภาพคล่อง มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงในระยะถัดไป อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงลบต่อการที่ ธปท. ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้เราคาดว่ามีโอกาสที่ กนง. อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุม กนง. เดือน ส.ค. หลังมองเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว  ซึ่งถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า แม้จะเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) แต่คาดจะกดดันทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้เช่นกัน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL

กลยุทธ์ รอซื้อสะสมที่แนวรับ 58.00 / 57.00 Target 63.50 / 67.00 Stop <57.00

- Advertisement -