ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ไซด์เวย์ ติดตามปัจจัยต่างประเทศต่อ
- ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์เทรดไซด์วย์…. หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงตามจิตวิทยาเชิงลบจากต่างประเทศ แต่มีแรงซื้อกลับระหว่างวันหลังจากดัชนีฯ ปรับลงไปต่ำกว่าระดับ 1,550 จุด… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทรดในกรอบแคบๆ เมื่อวันศุกร์ หลังจากนักลงทุนรับรู้ผลการประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนน่าจะยังติดตามประเด็นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อไป เช่น การแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ในวันพุธและพฤหัสฯ นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าติดตาม ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือน พ.ค. ที่จะรายงานในวันอังคารนี้ ii) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงแรง 6% สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป ซึ่งน่าจะยังกดดันให้หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแอกว่าดัชนีฯ ต่อไป ขณะที่หุ้นธีมเศรษฐกิจในประเทศการเปิดเมือง และการใช้จ่ายบริโภคภายในประเทศ น่าจะโดดเด่นอยู่… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวในระดับต่ำที่ 1,784 ราย เสียชีวิต 18 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 2,166 ราย… ทั้งนี้ พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงเป็นบวก หลังจาก ศบค. มีมติปรับพื้นที่เป็นสีเขียวทั้งประเทศ และปรับเกณฑ์ของการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์วันนี้)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไรแนวรับ BDMS*, KBANK*, CPF*
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 24.0 บาท / แนวต้าน 24.5-25.25 บาท หาก Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาส Rebound ทดสอบแนวต้านถัดไป +/-27 บาท (Stop loss 23.8 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น BDMS* Laggard หุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง BH* ที่คาดจะได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศต้อนรับผู้ป่วยต่างชาติ โดยฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว +28% YoY แตะระดับ +1 หมื่นล้านบาทได้ 3) เนื่องจาก i) อัตราส่วนราคา BDMS*/BH* ลดลงต่ำกว่า 2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ย้อนหลัง 200 วัน) และ Upside จากราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยฯ หุ้น BH* ตอนนี้มีต่ำเพียง 15% (ราคาเป้าหมาย BH* 182 บาท) ขณะที่ Upside หุ้น BDMS* ตอนนี้สูงถึง +28% นักลงทุนอาจพิจารณาใช้กลยุทธ์ Pair trade โดยเปิด Long หุ้น BDMS* และเปิด Short หุ้น BH* พร้อมกัน
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 148 บาท และ 146 บาท / แนวต้าน 152.5-154 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 158 บาท (Stop loss 146 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard ขณะที่คาดรับอานิสงส์ i) แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใน 2H65 (คาดที่ประชุม กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.5% ใน 2H65) ii) แนวโน้มเศรษฐกิจ 2H65 ฟื้นตัว ทั้งจากการท่องเที่ยว (เปิดประเทศ) การส่งออก (ค่าเงินบาทอ่อน) ภาคการเกษตรและอาหาร (ปัญหาอาหารขาดแคลนในต่างประเทศ) iii) คาดสรุปการจัดตั้ง JV เพื่อบริหารหนี้เสียได้ใน 3Q65 4) Valuation ไม่แพง PBV 0.73 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- CPF (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 26.0 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-29 บาท (Trailing stop 25.5 บาท) 2) ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารเริ่ม Outperform ตลาดฯ จาก i) ราคาเนื้อไก่ (หน้าฟาร์ม) ทำ New high ที่ 43.5 บาท/กก ขณะที่ราคาสุกร (หน้าฟาร์ม) ยืนสูงต่อเนื่องที่ 101.5 บาท/กก ii) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหนุนการส่งออกใน 2Q – 3Q iii) USDA ปรับประมาณการฯ สต๊อกถั่วเหลืองและข้าวโพด ฤดูกาล 2565/66 เพิ่ม (คาดราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์จะเริ่มทรงตัวแล้ว) 3) ประเมินราคาหุ้น CPF* Laggard และ PBV ต่ำเพียง 1.0 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
หุ้นมีข่าว
(+) รัฐคิดใหญ่ในไทย “ฮับอีวีเอเชีย” ถกบอร์ดฯ ก.ค.นี้ ดึงค่ายยุโรปลงทุน “สรรพสามิต” หนุนเพิ่มจุดชาร์จ ลดภาษี (กรุงเทพธุรกิจ) กฟผ. มั่นใจผลิตไฟฟ้าเพียงพอ รองรับหนุนอีวี 10 ปี “สุพัฒนพงษ์” นัด บอร์ดอีวี แห่งชาติ ก.ค.นี้ เคาะมาตรการเพิ่มหนุนสถานีชาร์จ ซอฟต์โลน ลดภาษี เร่งแผนดึงค่ายรถยุโรปลงทุนหน่วยงานรัฐ ขานรับพร้อมจัดมาตรการส่งเสริมการใช้รถอีวีในประเทศ เชื่อความต้องการใช้เติบโตก้าวกระโดด “สรรพสามิต” ชงมาตรการหนุนจุดชาร์จแบตเตอรี่
(+) CPF ได้ที่ ซัพพลายไก่วูบ! ลุ้นปีนี้กำไรพุ่ง 1.5 หมื่นล. (ข่าวหุ้น) CPF* รับอานิสงส์ซัพพลายไก่ในตลาดโลกลดลงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หนุนราคาไก่เพิ่มขึ้น โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เคาะราคาเป้าหมาย 30 บาท คาดปีนี้ฟันกำไรสุทธิเกิน 1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และโกยรายได้รวม 5.8 แสนล้านบาท เติบโต 13% เชื่อปีนี้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไปซาอุฯ ได้ 300 ตู้ มูลค่ารวม 473 ล้านบาท
(+) LEO ไฮซีซันดันงบ Q3 นิวไฮ ขยายพื้นที่ส่งอเมริกา 2 เท่า (ทันหุ้น) LEO ไฮซีซันนำเข้า-ส่งออก หนุนผลงานไตรมาส 3/2565 ทำนิวไฮต่อ เดินหน้าเจรจาพันธมิตรสายการเดินเรือ เพิ่มพื้นที่ขนส่งทางเรือไปอเมริกามากกว่า 2 เท่า หลังปีก่อนผลงานโต 100% บิ๊กบอส “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” สั่งลุยควบรวม เสริมฐานแกร่ง ด้านโบรกปรับเพิ่มเป้าเป็น 23 บาท พร้อมอัพกำไรปีนี้ขึ้น 28% แตะ 338 ล้านบาท
(+) OR* ควัก 1.1 พันล้าน ซื้อเค-เน็กซ์ฯ 40% ลุยร้านสะดวกซัก (ข่าวหุ้น) OR* ควักงบกว่า 1,105 ล้านบาท เข้าลงทุนซื้อหุ้น “เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น” หรือ KNX สัดส่วน 40% รุกธุรกิจร้านสะดวกซัก “อ๊อตเทริ วอช แอนด์ดราย” ปัจจุบันมี 670 สาขา ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มทั้งในและนอกพีทีที สเตชั่น หวังตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์
(0) GULF* พ้นเสี่ยง BNB Coin ‘สารัชถ์” ซื้อเข้าส่วนตัว (ข่าวหุ้น) GULF* พ้นความเสี่ยงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB Coin หลังขายหุ้น GIIL ทั้งหมด ให้ “กัลฟ์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)” ที่ “สารัชถ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มูลค่ากว่า 1,682 ล้านบาท หวั่นตลาดคริปโตฯ ขาลงเต็มตัว อาจฉุดกำไรในอนาคต
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) แนวรับ 134.5 บาท / แนวต้าน 138.5-140 บาท (Trailing stop 133 บาท)
- BLA* (เป้า Consensus 53 บาท) แนวรับ 43 บาท / แนวต้าน 46-48 บาท (Trailing stop 42 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 13.3 บาท / แนวต้าน 13.8-14.5 บาท (Stop loss 12.5 บาท)
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 27.0 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- กลุ่มโรงพยาบาล น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯทำการสำรวจอัตราการเข้าพักโรงแรมที่ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ในเดือน พ.ค.ยังสูงกว่าเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เลือก SHR* MINT* ERW เป็นหุ้นเด่น
- กลุ่มพลังงาน น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” จากประเด็นข่าวที่ภาครัฐฯ เตรียมเสนอขอความร่วมมือจากโรงกลั่นฯ ที่จะช่วยส่งเงินเข้าภาครัฐฯในเดือน ก.ค. – ก.ย. นี้ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน i) ยังเป็นเพียงการยื่นข้อเสนอให้กลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะกลุ่ม PTT* ii) ESSO* และ SPRC* มีโอกาสที่จะไม่เข้าร่วมฯ เนื่องจากคาดว่าทั้ง 2 โรงกลั่นจะยึดนโยบายจาก บ.แม่ในต่างประเทศเป็นหลัก ดังนั้นราคาหุ้นที่ปรับลงมาจึงเป็นโอกาสสะสมทั้ง ESSO* SPRC*