Our View? “ฟื้นบ้างอะไรบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,580 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ปธน.โจ ไบเดน อยู่ในระหว่างการพิจารณายกเว้นภาษีนํ้ามันเป็นการชั่วคราว และพิจารณาลดภาษีนําเข้าสินค้าบางประเภทจากจีน เพื่อรับมือกับการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ คาดจะผ่อนคลายแรงกดดันจากความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม คาดตลาดจะยังรอดูการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปี ของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 22-23 มิ.ย. คาดจะเป็นการส่งสัญญาณปรับใช้นโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับการเร่งตัวขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอยในระยะถัดไป สอดคล้องกับการเคลื่อนไหลของ US Bond Yield ที่ยังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนรุ่นอายุ 5 และ 7 ปี ปรับตัวขึ้นสูงกว่ารุ่นอายุ 10 และ 30 ปี คาดจะกดดัน–จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่
ขณะที่ต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด หลังสหรัฐกำลังเจรจากับแคนาดาและชาติพันธมิตรเพื่อควบคุมราคาน้ำมันรัสเซีย อีกทั้ง ปธน.โจ ไบเดน ได้ยื่นจดหมายต่อบริษัทน้ำมันรายใหญ่ 7 แห่ง ให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อเพิ่มอุปทานเข้าสู่ตลาดและกดดันราคาน้ำมันอ่อนตัวลง รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวลงจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลก คาดจะกดดันอุปสงค์นํ้ามัน ผสานแนวโน้มการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน คาดจะเป็นปัจจัยหลักช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบระยะยาวได้ในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยกดดัน-จํากัด Upside ราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงาน อ่อนตัวลงได้ อย่างไรก็ตาม เรามองทิศทางราคาน้ำมันที่เริ่มจำกัด Upside มากขึ้นจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมัน อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) และสายการบิน (AAV และ BA) คาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป
ในส่วนของปัจจัยในประเทศวันนี้แนะนำติดตามการประชุม ครม.ว่าด้วย 1.) ความพยายามในการปรับลดราคาน้ำมันผ่านทางการลดค่าการกลั่นของรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานจะออกมาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นให้นำส่งกำไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากการกลั่นน้ำมันส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมันกำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค. -ก.ย. 65 มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซของ PTT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ คาดจะให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ คาดจะกดดันทิศทางตลาดปรับตัวลงได้ 2.) ประเด็นการเก็บภาษีหุ้น (FIT) คาดจะส่งผลให้สภาพคล่องมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงในระยะถัดไป มองปัจจัยดังกล่าวยังเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ของตลาดได้อยู่
อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารกลาง (KBANK, SCB และ BBL) จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุม กนง. เดือน ส.ค. หลังมองเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า
รวมทั้งเมื่อวานนี้ ตลท. ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 ใหม่ในรอบครึ่งปีหลัง คือ BLA, JMT และ JMART ขณะที่หุ้นที่เข้าคำนวณ SETTOO ใหม่ คือ FORTH, ONEE, PSL และ TIPH คาดอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นดังกล่าวได้บ้างในระยะสั้น
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “AAV”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม 2.80 / 2.76 Target 3.08 / 3.38 Stop <2.70