เลือกเก็งกำไรรายตัว ขณะที่ SET อาจฟื้นตัวในกรอบ 1,540-1,580 จุด

ภาพรวมนักลงทุนยังเลือกเก็งกำไรในกลุ่มที่มีโอกาสถูปปรับประมาณการขึ้น ปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดหุ้นทรงตัวถึงหดลง หลังนักลงทุนเพิ่มความระวังต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอย และผลกระทบของปัจจัยภายนอก (รัสเซีย-ยูเครน และปิดเมืองที่จีน) ที่จะกระทบต่อกำไรไตรมาส 2/65 แม้ภาพรวมการลงทุนจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว แต่หุ้นก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าสินทรัพย์ทางการเงินประเภทอื่น ดังนั้นเรามองจะเกิดการจัดสรรเงินทุน (reallocation) ไปยัง 1) กลุ่มหุ้นที่ปลอดภัย (สื่อสาร) 2) กลุ่มที่มีแนวโน้มถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น (เปิดเมือง โดยเฉพาะท่องเที่ยว) และ 3) กลุ่มที่มีการถือครองต่ำและมีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (อาทิ โรงไฟฟ้าที่ปรับลดลงเยอะจากต้นทุนค่าก๊าซ)

ติดตามผลการประชุมครม.เกี่ยวกับกลุ่มโรงกลั่น ภายหลังจากที่มีการเสนอแนวคิดจัดเก็บกำไรพิเศษจากค่าการกลั่นเพื่อช่วยเหลือกองทุนน้ำมัน ภาพรวมกลุ่มโรงกลั่นในเครือ PTT มีแนวโน้มคล้อยตามข้อเสนอภาครัฐ แต่กลุ่มโรงกลั่นที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ต่างประเทศ ไม่เห็นด้วย ทำให้ยังไม่มีความ แน่นอนในรูปแบการจัดเก็บเงิน หรือจะมีการใช้อำนาจตามกฎหมายฉบับใด ซึ่งทำให้การจัดเก็บเงินดังกล่าวจะยังเป็นประเด็นค้างคาที่กระทบต่อหุ้นในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองว่า SPRC, ESSO จะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากลุ่มโรงกลั่นอื่น รวมถึง PTTEP จะเป็นหุ้นพลังงานที่มีความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวต่ำ เนื่องจากถูกคุ้มครองจากสัมปทาน

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE

2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR

3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO

4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN

5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO)

6) หุ้นพลังงาน ปิโตรที่ไม่กระทบจากการขอความร่วมมือ IVL, OR

7) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT8O, CHINA

ภาพรวมกลยุทธ์: ความผันผวนในภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,540-1,580 จุด การปรับลงยังเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นในช่วงครึ่งหลัง อาทิ กลุ่มธนาคาร หุ้นเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย กลุ่มอาหาร ขนส่ง และเปิดเมือง/เปิดประเทศ และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน)

หุ้นแนะนำ: SPA, MBK, BABA80, OR

แนวรับ: 1,550-1,540 / แนวต้าน : 1,565-1,580 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • ผู้ว่าการเฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนก.ค. – นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก นายวอลเลอร์กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของเฟด คือ  การทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่ที่ผ่านมานั้น เฟดดำเนินการช้าเกินไปในการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อ และช้าเกินไปในการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT)
  • อิรักเล็งเพิ่มผลิตน้ำมันแตะ 8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2570 – เพื่อตอบสนองข้อผูกพันจากโควตาส่งออกภายในองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกหรือโอเปก (OPEC) โดยเพดานการส่งออกน้ำมันของอิรักอยู่ที่ 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน มิ.ย. และ 3.85 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค. ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบประจําเดือนพ.ค. อยู่ที่ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเฉลี่ย เศรษฐกิจอิรักพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบอย่างมาก โดยครองสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ทั้งประเทศ
  • ประกาศหุ้นเข้าและออกดัชนี มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 65
    • SET50 เข้า (+) BLA, JMT, JMART / ออก (-) COM7, RATCH, STGT
    • SET100 เข้า (+) FORTH, ONEE, PSL, TIPH / ออก (-) BPP, RS, SIRI, TVO
    • SETHD เข้า (+) BCH, CHG, HANA, SAWAD / ออก (-) BPP, PTG, SIRI, TVO
  • ศาลปกครองตีตกคำขอทุเลาควบรวมกิจการ TRUE-DTAC – จากการที่ยังไม่เกิดความเสียหาย เนื่องจากยังไม่ได้มีการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่หรือซื้อขายสินทรัพย์-หุ้น เพื่อการควบรวม ขณะที่ กสทช. ทำคำชี้แจงอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อพิจารณาควบรวมใช้เวลา 60 วัน
  • RATCH หุ้นเพิ่มทุนเทรดวันที่ 24 มิ.ย. – 725 ล้านหุ้น ราคาเพิ่มทุน 34.48 บาท

ประเด็นติดตาม: 21 มิ.ย. – US Existing Home Sales / 23 มิ.ย. – US&EU Manufacturing PMI, Services PMI, Russia Debt Payment / 24 มิ.ย. – US New Home Sales, Russia Debt Payment / 27 มิ.ย. – US Core Durable Goods Orders, US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ  UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร SPA* (13.10) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด และราคายังฟื้นตัวจากโควิดน้อยกว่ากลุ่มท่องเที่ยวอื่น (79% vd กลุ่มโรงแรมที่ฟื้น 140-230%) ทำให้เป็น laggard play ที่คาดจะฟื้นตัวแรงในรอบนี้ ตัดขาดทุน 7.80 บาท
  • เก็งกำไร MBK* (16) : ผลการดำเนินงานคาดทยอยฟื้นตัว ขณะที่มีมูลค่าแฝงจากบริษัทลูกที่ยังไม่ได้นำเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ตัดขาดทุน 13.80 บาท
  • เก็งกำไร BABA80* (5.50) : หุ้นจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา ตัดขาดทุน 4.40 บาท
  • เก็งกำไร OR* (29) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาใช้รถหลังเปิดเมือง ตัดขาดทุน 24.50 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ  UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

ตลาดหุ้นสหรัฐ – ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันนี้ (20 มิ.ย.) เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) โดยตลาดจะกลับมาเปิดทำการซื้อ ขายอีกครั้งในวันอังคารที่ 21 มิ.ย. (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (20 มิ.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มเดินทาง และกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันหยุด (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยนักลงทุนวิตกว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐจะย่ำแย่ลง เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ (อินโฟเควสท์)

ตลาดน้ำมัน – ตลาดน้ำมันของสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) (อินโฟเควสท์)

ผู้ว่าการเฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนก.ค. – นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค.  เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก นายวอลเลอร์กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของเฟด คือ การทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่ที่ผ่านมานั้น เฟดดำเนินการช้าเกินไปในการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อ และช้าเกินไปในการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) (อินโฟเควสท์)

อิรักเล็งเพิ่มผลิตน้ำมันแตะ 8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2570 – เพื่อตอบสนองข้อผูกพันจากโควตาส่งออกภายในองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกหรือโอเปก (OPEC) โดยเพดานการส่งออกน้ำมันของอิรักอยู่ที่ 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. และ 3.85 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค. ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบประจำเดือนพ.ค. อยู่ที่ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเฉลี่ย เศรษฐกิจอิรักพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบอย่างมาก โดยครองสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ทั้งประเทศ (อินโฟเควสท์)

ประกาศหุ้นเข้าและออกดัชนี มีผล 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 65

SET50 เข้า (+) BLA, JMT, JMART / ออก (-) COM7, RATCH, STGT

SET100 เข้า (+) FORTH, ONEE, PSL, TIPH / ออก (-) BPP, RS, SIRI, TVO

SETHD เข้า (+) BCH, CHG, HANA, SAWAD / ออก (-) BPP, PTG, SIRI, TVO (SET)

ศาลปกครองตีตกคำขอทุเลาควบรวมกิจการ TRUE-DTAC – ยังไม่เกิดความเสียหาย เนื่องจากยังไม่ได้มีการจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่หรือซื้อขายสินทรัพย์ -หุ้น เพื่อการควบรวม ขณะที่ กสทช. ทำคำชี้แจงอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อพิจารณาควบรวมใช้เวลา 60 วัน (ข่าวหุ้น)

RATCH หุ้นเพิ่มทุนเทรด วันที่ 24 มิ.ย. – 725 ล้านหุ้น ราคาเพิ่มทุน 34.48 บาท (ข่าวหุ้น)

Report & Corporate News

ORI Initiate coverage BUY TP: 14.00 บาท – ORI เป็นผู้พัฒนาชั้นนำของประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครอบคลุมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเราคาดว่ากำไรจะเติบโตที่ 12% CAGR ในช่วงปี 2022-24 โดยได้รับการสนับสนุนจาก backlog จำนวนมาก, การเปิดตัวโครงการจำนวนมากในปี 2022 และธุรกิจที่มีรายได้ประจำมากขึ้น เราชอบ ORI สำหรับธุรกิจหลักที่แข็งแกร่ง, โอกาสในการเติบโตจากธุรกิจใหม่ และสถานะทางการเงินที่ฟื้นตัว เราเริ่มต้นแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 14.00 บาท

TCAP – บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 2/2565 จำนวน 2 ชุด รวมมูลค่าไม่เกิน 3,500 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 2.47% ต่อปีจ่าย ดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ หุ้นกู้ชุดที่ 2 มูลค่าไม่เกิน 3,100 ล้านบาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนราย ใหญ่ บริษัทจะนำเงินไปชำระคืนหนี้ที่เป็นหุ้นกู้ และ/หรือตั๋วแลกเงิน จำนวน 2,000 ล้านบาทภายในวันที่ 31 ธ.ค. 65, ใช้ในการลงทุนและขยายธุรกิจ จำนวน 1,000 ล้านบาท ภายในวันที่ 30 มิ.ย.66 และใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียน จำนวน 500 ล้านบาท (อินโฟเควสท์)

STGT – บมจ.ศรีตรังโกลฟส์(ประเทศไทย) (STGT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ Sri Trang Responsible Gloves Supply, Inc. (STRG) เพื่อจัดจำหน่ายถุงมือยาง โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 1,000,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 500,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% (อินโฟเควสท์)

TEKA – บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA และบริษัท Bcons Construction Investment Joint Stock Company หรือ BCONS ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ (“MOU”) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 โดยทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือในการศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อมูล และโอกาสทางการ ตลาดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รับเหมาก่อสร้าง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพันธมิตร หรือการลงทุนร่วมกันในอนาคตตามความเหมาะสม เพื่อสร้าง Synergy ทางธุรกิจ โดยอาศัยศักยภาพและจุดแข็งของแต่ละฝ่าย (อินโฟเควสท์)

- Advertisement -