เลือกเก็งกำไรรายตัว ในกรอบ 1,565-1,582 จุด
ครม.เห็นชอบ 8 มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่ (ก.ค.-ก.ย.65) เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบน้ำมันแพง ได้แก่ 1) ตรึงราคาขาย NGV 15.59 บาท/กก. 2) ตรึงราคาขาย LPG ที่ 408 บาท/15 ก.ก. 3) ส่วนลดก๊าซหุงต้ม 100 บาท/เดือน สำหรับผู้ค้าและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4) ช่วยค่าน้ำมันมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 250 บาท/เดือน 5) ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดที่ 1.40 บาท/ลิตร 6) ขอความร่วมมือโรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนต่าง 7) มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายอบรมสัมมนา หักภาษีนิติบุคคลได้ 1.5-2 เท่า 8) ขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน // ภาพรวมของมาตรการเป็นบวกต่อการเพิ่มกำลังการจับจ่ายของผู้บริโภค และจะมีผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้
- กลุ่มค้าปลีกและบริโภค เป็นบวกต่อ MAKRO, CPALL, MAJOR
- กลุ่มสถานีบริการน้ำมัน คาดผลจากการเปิดเมืองที่ให้ปริมาณขายเพิ่ม จะช่วยหักล้างผลของการควบคุมราคา ยังมองบวกต่อทั้ง PTG และ OR กลุ่มโรงกลั่น SPRC, ESSO ที่มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติเสี่ยงต่ำกว่าโรงกลั่นเครือ PTT อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการนำส่งกำไรส่วนเกินจะต่ำกว่าตัวเลขที่ภาครัฐฯ เคยประเมินที่ 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าอาจต้องใช้กลไกการจ่ายปันผลพิเศษ เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นโรงกลั่น อย่าง TOP, PTTGC, IRPC
การเก็งกำไรเน้นกลุ่มที่โมเมนตัมของผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นท่องเที่ยวและเปิดเมืองที่ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว และการขยายเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ ที่จะเริ่ม 1 ก.ค.65 ขณะที่กลุ่มธนาคารเน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัว จากผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มปรับลง และการรายงานกำไรไตรมาส 2/65 ที่น่าจะอ่อนตัวลง โดยมีหุ้นเด่นคือ BBL และ TISCO โดยระวัง SCB อาจมีผลกระทบจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (คาดบริษัทย่อยมีการถือเหรียญ LUNA ในจำนวนหนึ่ง จากการที่ผู้บริหารเป็นหนึ่งใน Luna Foundation Guard)
ประเด็นเก็งกำไรอื่น
1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE
2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA
3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR
4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN
5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO)
6) หุ้นพลังงาน-ปิโตรที่ไม่กระทบจากการขอความร่วมมือ IVL, OR
7) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA
ภาพรวมกลยุทธ์: SET อาจชะลอระยะสั้นระหว่างรอถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,590 จุด แต่การปรับลงยังเป็นโอกาสเลือกเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นในช่วงครึ่งหลัง อาทิ กลุ่มธนาคาร หุ้นเปิดเมือง ที่ยังขึ้นน้อย กลุ่มอาหาร ขนส่ง และเปิดเมือง/เปิดประเทศ และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน)
หุ้นแนะนำ: SPA, MAKRO, BABA80, OR
แนวรับ: 1,565 / แนวต้าน : 1,580-1,590 จุดสัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
- สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำสุดรอบ 2 ปี – ลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563
- โรงกลั่นเครือ “ปตท.” พร้อมนำส่งกำไรช่วยชาติ – แหล่งข่าวจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตัวเลขการคำนวณค่าการกลั่นที่มีข่าวออกมาลิตรละ 8 บาท มองว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป ควรเอาทุกตัวมาหักลบ อาทิ น้ำมันเตา หรือก๊าซ LPG ที่มีราคาถูกมาก ดังนั้น จึงเอาทุกตัวมาเฉลี่ย เช่น เมื่อมีการกลั่นน้ำมัน 1 ลิตร อาจได้เบนซิน 30% ดีเซล 20% น้ำมันเตา ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โรงกลั่นของ กลุ่มปตท. ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลภายใต้ตัวเลขที่เหมาะสม
- ครม.เพิ่มสิทธิ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ – รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดิมเดือนพ.ค. เป็นเดือนต.ค. 65
- สคบ. เตรียมลดดอกเบี้ยเช่าซื้อมอไซต์เหลือ 20% – จากปัจจุบัน 33-36% SAWAD มีพอร์ตสินเชื่อลีสซิ่งมอไซต์ 24% ขณะที่ MTC 6% ของสินเชื่อรวม
- ไทยประกันชีวิต เตรียมเข้าเทรด และ Fast Track เข้าคำนวณอัตโนมัติ – จะเป็นหุ้นบิ๊กแคปใหญ่สุดกลุ่มประกัน ทำให้ IRPC และ SAWAD มีโอกาสหลุดจากดัชนี SET50 ในเดือน ก.ค. นี้
ประเด็นติดตาม: 22 มิ.ย. – Fed Chair Powell Testifies / 23 มิ.ย. – US & EU Manufacturing PMI, Services PMI, Russia Debt Payment / 24 มิ.ย. – US New Home Sales, Russia Debt Payment / 27 มิ.ย. – US Core Durable Goods Orders, US Pending Home Sales
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ
- เก็งกำไร SPA* (13.10) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด และราคายังฟื้นตัวจากโควิดน้อยกว่ากลุ่มท่องเที่ยวอื่น (79% vd กลุ่มโรงแรมที่ฟื้น 140-230%) ทำให้เป็น laggard play ที่คาดจะฟื้นตัวแรงในรอบนี้ ตัดขาดทุน 7.80 บาท
- เก็งกำไร MAKRO* (40) : ผลการดำเนินงานคาดทยอยฟื้นตัว ตามภาคการท่องเที่ยวและเปิดประเทศ ตัดขาดทุน 33.50 บาท
- เก็งกำไร BABA80* (5.50) : หุ้นจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา ตัดขาดทุน 4.40 บาท
- เก็งกำไร OR* (29) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาใช้รถหลังเปิดเมือง ตัดขาดทุน 24.50 บาท
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
Market News & Factors
ตลาดหุ้นสหรัฐ – ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันอังคาร (21 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีทุนจดทะเบียนสูง เช่นหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างแอปเปิลและไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลง นโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นยุโรป – ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นต่อในวันอังคาร (21 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์, กลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นราคาถูก หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น – ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งสูงเกิน 2% ในช่วงสั้นๆ หลังได้แรงหนุนจากตลาดฟิวเจอร์ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติ และนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังดัชนีนิกเกอิปิดร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ (อินโฟเควสท์)
ตลาดน้ำมัน – สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (21 มิ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน และอุปทานน้ำมันยังคงตึงตัว เนื่องจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำสุดรอบ 2 ปี – ลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 (อินโฟเควสท์)
โรงกลั่นเครือ “ปตท.” พร้อมนำส่งกำไรช่วยชาติ – แหล่งข่าวจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตัวเลขการคำนวณค่าการกลั่นที่มีข่าวออกมาลิตรละ 8 บาท มองว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป ควรเอาทุกตัวมาหักลบ อาทิ น้ำมันเตา หรือก๊าซ LPG ที่มีราคาถูกมาก ดังนั้น จึงเอาทุกตัวมาเฉลี่ย เช่น เมื่อมีการกลั่นน้ำมัน 1 ลิตร อาจได้เบนซิน 30% ดีเซล 20% น้ำมันเตา ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โรงกลั่นของกลุ่มปตท. ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ภายใต้ตัวเลขที่เหมาะสม (กรุงเทพธุรกิจ)
ครม.ประกาศมาตรการบรรเทาค่าครองชีพใหม่ และต่อมาตรการเดิม – อาทิ ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กก., การคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ที่เข้าร่วมโครงการที่ 13.62 บาท/กก. ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ถึงวันที่ 15 ก.ย. 65, การกำหนดราคาขายปลีกก๊าซ LPG 408 บาทต่อถัง 15 กก. เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.65 และขยายเวลาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 100 บาท/ราย/เดือน ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 65 (อินโฟเควสท์)
ครม.เพิ่มสิทธิ “เราเที่ยว ด้วยกัน” อีก 1.5 ล้านสิทธิ – เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดิมเดือนพ.ค. เป็นเดือนต.ค. 65 (อินโฟเควสท์)
สคบ. เตรียมลดดอกเบี้ยเช่าซื้อมอไซต์เหลือ 20% – จากปัจจุบัน 33-36% SAWAD มีพอร์ตสินเชื่อลีสซิ่งมอไซต์ 24% ขณะที่ MTC มี 6% ของสินเชื่อรวม (ข่าวหุ้น)
ไทยประกันชีวิต เตรียมเข้าเทรด และ Fast Track เข้าคำนวณอัตโนมัติ – จะเป็นหุ้นบิ๊กแคปใหญ่สุดกลุ่มประกัน ทำให้ IRPC และ SAWAD มีโอกาสหลุดจากดัชนี SET50 ในเดือน ก.ค. นี้ (ข่าวหุ้น)
Report & Corporate News
KEX Upgraded BUY TP: 29.00 บาท – เราคาดว่า KEX จะรายงานผลขาดทุนลดลง qoq อยู่ที่ -390 ลบ. โดยมีสาเหตุหลักมาจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการแข่งขันของอุตสาหกรรม และตอนนี้เชื่อสิ่งเลวร้ายที่สุดสำหรับ KEX น่าจะผ่านพ้นไปแล้ว เราคาดว่ากำไรของ KEX จะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วง 2H22-23 แม้ว่ากำไรของบริษัทจะยังคงอ่อนแอในระยะสั้น แต่เราคาดว่าความเสี่ยงด้านลบจะมีจำกัดในการประเมินมูลค่าปัจจุบัน ปรับเพิ่มคำแนะนำ เป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 29.00 บาท
PTG – บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 และครึ่งแรกของปี 65 จะทำได้ไม่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร แม้ว่าจะยังต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงค่าการตลาดดีเซลไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร ต่ำกว่าระดับเหมาะสมที่ 1.80 -2.00 บาท/ลิตร แต่เชื่อว่าบริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตตลอดทั้งปีได้ (อินโฟเควสท์)
SC – บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) กล่าวว่า จากสถานการณ์กว่า 2 เดือนที่ผ่านมาของไตรมาส 2/65 บ้านทุกระดับราคา และคอนโดมิเนียมใหม่ของ SC ขายดีมากสวนกระแสเศรษฐกิจ โดยจากที่บริษัทได้รุกเปิดโครงการแนวราบและแนวสูงตามแผนธุรกิจทุกแห่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โครงการแนวราบที่เปิดใหม่ ได้แก่ บ้านนิวซีรี่ส์สไตล์โมเดิร์น ราคา 5-30 ล้านบาท ใน 7 ทำเล มูลค่าโครงการรวม 9.8 พันล้านบาท ได้แก่ บางนา-ศรีนครินทร์, รามคำแหง-วงแหวน, ประชาชื่น, แจ้งวัฒนะ, ติวานนท์-รังสิต, รามอินทรา-วัชรพล และ ปิ่นเกล้า-ศาลายา พร้อมกับคอนโดมิเนียมแบรนด์ล่าสุดที่มีดีไซน์แนวคิดใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัยของ Gen Y คือ โครงการเรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท (อินโฟเควสท์)
WHAUP – บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้และส่วนแบ่งกำไร จากการดำเนินงานปกติในปี 69 แตะระดับ 6,000 ล้านบาท และรักษาอัตรา EBITDA ในระดับสูงกว่า 50% จากการเติบโตของธุรกิจหลักทั้งน้ำและไฟฟ้า จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาทิ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) โดยจะมีการหาสินค้าและบริการใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการในรูปแบบ One-Stop-Service (อินโฟเควสท์)