บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Food and Beverage อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว
Event
อัพเดตแนวโน้มกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
Impact
การบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หนุนให้ร้านอาหารฟื้นตัวได้แรงที่สุด
การบริโภคในประเทศแสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อถึงสองเท่า และรายได้นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง จะให้การบริโภคของกลุ่มร้านอาหารซึ่งหดตัวรุนแรงช่วงโควิดกลับมาฟื้นตัวได้ดีที่สุด โดยปัจจุบัน สัดส่วนบริโภคในกลุ่มร้านอาหารคิดเป็น 8% ของการบริโภคในประเทศ ซึ่งลดลงอย่างมากเทียบก่อนโควิดอยู่ที่ 18% สะท้อนจาก M และ AU เผยว่า SSSG พุ่งขึ้นมาที่ +30% YoY ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม (จาก +8% ใน 1Q65)
แนวโน้มการเติบโตของกลุ่มเครื่องดื่มฟื้นตัวแบบอ่อนๆ
การบริโภคในกลุ่มเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังได้หดตัวแรงในช่วงโควิด – 7%/-8%/-5% ใน 2563/2564/1Q65 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวเริ่มดีขึ้นในเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่ประมาณ 4-5% ซึ่งเรามองว่า OSP จะฟื้นตัวได้ดีกว่า CBG อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ฐานเครื่องดื่มส่งกลับได้ประโยชน์มากกว่า เพราะการฟื้นตัวมีมากกว่า ซึ่งในส่วนนี้ PLUS SAPPE จะได้ประโยชน์
บาทอ่อนช่วยหนุนรายได้ผู้ส่งออก
เงินบาทอ่อนค่าลง 6% QTD และ YTD ส่งผลดีกับบริษัทในกลุ่ม F&B ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสูง โดยช่วยให้รายได้และ margin เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามบริษัท PLUS มีสัดส่วนการส่งออกสูงที่สุด โดยคิดเป็น 90% ของรายได้ รองลงมาคือ SAAPE ที่ประมาณ 70% และ CBG ที่ 40% ในขณะที่ OSP อยู่ที่ 18% ทั้งนี้ หากเราใช้สมมติฐาน THB/USD ในปัจจุบันที่ 35.3 จะทำให้รายได้ของ SAPPE มี upside อีก 4.5% ในขณะที่ของ PLUS จะอยู่ที่ 5% ของ CBG ที่ 2% และ OSP ที่ 1% นอกจากนี้ หากใช้สมมติฐานว่าต้นทุนการผลิตไม่เปลี่ยนแปลง รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กำไรสุทธิของ SAPPE เพิ่มขึ้น 11% ของ PLUS เพิ่มขึ้น 9% ของ CBG เพิ่มขึ้น 4.5% และของ OSP เพิ่มขึ้น 3.3% อย่างไรก็ตาม เราคิดว่า OSP และ CBG จะได้อานิสงส์จากค่าเงินไม่มากนัก เพราะสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาด CLMV ส่วนใหญ่ กําหนดราคาขายเป็นสกุลบาท
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565/2566 ของ PLUS ขึ้นอีก +12% /8%
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-2566 ของ PLUS ขึ้นอีก 12%/8% เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มสมมติฐาน 1.) อัตราการขยายตัวของรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 45%/25% (จากเดิมที่ 40%/25%) 2.) GPM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 28.6%/27.8% (จากเดิม 27.5%/27.5%) ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 25x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2565F ใหม่ที่ 6.50 บาท
Risks
ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และ margin ที่เปลี่ยนแปลงไป