รอบด้านตลาดหุ้น: วันนี้คาดดัชนี Sideways
Market wrap & Outlook
- วานนี้ดัชนีกลับมาดิ่งลงอีกรอบ หุ้นกดดันตลาดนำโดย PTTEP BBL ADVANC GULF SCB BANPU EA DELTA BDMS ส่วนหุ้นบวกสวนตลาดมีโรงกลั่น SPRC IRPC อื่นๆ SCGP CBG EGCO KTC และกลุ่มหุ้นซิ่ง JTS CPR ASIAN CFRESH ALL
- วันนี้คาดดัชนี Sideways โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจแข็งแรงดี และเฟดมุ่งหน้าสกัดเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินไป แต่ก็มีการยอมรับว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ทำให้ตลาดกังวล Recession กดดันดัชนีทั่วโลกวานนี้ แต่เรามอง SET ย่อนำลงมาพอสมควรแล้ว (price-in) จึงน่าจะเป็นลักษณะย่อสลับเด้งสั้นๆ ระหว่างวัน
- เราคงแนะนำให้นักลงทุนออกจากกลุ่ม Commodity และตระกร้าเงินเฟ้อ หันมาโฟกัสกลุ่มธนาคาร (เล่นตรงไปตรงมากับดอกเบี้ยขาขึ้น) ท่องเที่ยว และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ที่ได้อยู่ในช่วงผลประกอบการฟื้นตัว รวมทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้ประโยชน์จากปรับเพิ่ม Ft บวกเก็งทิศทางราคาพลังงานขาลง
What to watch
- นายพาวเวลกล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสในว่า เฟดมีความมุ่งมั่นและมีความสามารถในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย “มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เฟดต้องการก็ตาม” แต่ชี้ว่าจะสามารถทำให้เป็นแบบ “Soft landing” ได้
- ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังไม่มีข้อสรุปแนวทางกำกับสินเชื่อเช่าซื้อฯ ยังคงต้องติดตามประเด็นนี้ต่อไป…
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญประกาศวันนี้ เช่น PMI ของยุโรป, การเคลมสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ และพรุ่งนี้ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ เป็นต้น
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ประกาศชื่อหุ้นเข้า SET50 รอบครึ่งปีหลัง (1 ก.ค.-31 ธ.ค. 65) JMT JMART BLA เข้าตามคาด ส่วน SET100 มี 4 หุ้น FORTH ONEE PSL และ TIPH
หุ้นแนะนำวันนี้
- CBG อิงการฟื้นตัวการบริโภคฐานราก Demand กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มหลังเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ หนุนหุ้น Outperform ตลาด Sideways ได้
Technical Daily (T)
หัวข้อ: SET แตะโซนรับครั้งที่ 2!
แนะนำ ซื้อ
BBL แนวรับ 131-132 แนวต้าน 140 (stop loss < 130)
TRUE แนวรับ 4.64-4.68 แนวต้าน 4.9-5 (stop loss < 4.6)
SCGP แนวรับ 51-52 แนวต้าน 57-58 (stop loss < 50)
Greed & FearBarometer: มาตรวัดความโลภและความกลัว
Overview:
Sentiment ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยยังคงอยู่ในโซน Neutral มาตรวัดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจาก 45 คะแนนเป็น 46 คะแนน สัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น ได้แก่ ดัชนี Volume Index ที่ฟื้นตัวเป็นสัปดาห์ที่สาม อย่างไรก็ตาม ดัชนี Momentum Strength ที่ยังคงปรับตัวลง และดัชนี Bull-to-Bear ที่แกว่งในโซน Lower Bound ยังคงกดดัน Sentiment ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
มาตรวัดความโลภและความกลัว (Greed & Fear Barometer):
จิตวิทยาในตลาดหุ้นมักถูกผลักดันด้วยสองอารมณ์หลัก คือ ความโลภและความกลัว โดยเมื่อยิ่งมีอารมณ์โลภมาก (Extreme Greed) หรือ อารมณ์กลัวมาก (Extreme Fear) ขึ้นเท่าใด การตัดสินใจด้วยเหตุผลก็มักจะลดลงไปเท่านั้น เช่น เมื่อเกิด Extreme Greed นักลงทุนก็อาจจะไล่ซื้อหุ้นมากจนเกินไปโดยไม่สนใจราคา ในขณะที่เวลาเกิด Extreme Fear ก็จะขายหุ้นมากเกินไปด้วยความตื่นตระหนก ดังนั้นหากอารมณ์ตลาดยิ่งเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเท่าใด โอกาสที่ดัชนีจะสวิงกลับไปในทิศทางตรงกันข้ามก็มากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุที่ภาวะ extreme นั้น มักทำให้เกิดการซื้อหรือขายมากเกินไป (Overbought/ Oversold)
BLS Greed & Fear Barometer คำนวณมาจากเครื่องชี้วัดดังต่อไปนี้ 1) Bull-to-Bear 2) Momentum Strength 3) Yield Spread (Bond vs Equity) 4) Market Volatility 5) Market Breadth และ 6) Volume Index
Global Investing Brief: พาวเวลมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแกร่ง พร้อมรับมือขึ้นดอกเบี้ย // META, MSFT ร่วมกันจัดตั้งมาตรฐาน Metaverse
Highlight
Meta Platforms (META), Microsoft (MSFT) และอีกกว่า 30 บริษัทเทคฯ ชั้นนำประกาศร่วมกันจัดตั้งมาตรฐานสำหรับโลก Metaverse หรือที่เรียกว่า Metaverse Standards Forum เพื่อส่งเสริมให้เทคโนโลยีของแต่ละบริษัทสามารถใช้งานร่วมกันได้ และหนุนให้โลก Metaverse เกิดขึ้นจริงและรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีรายชื่อในการเข้าร่วมนั้นไม่มีบริษัท Apple (AAPL) แม้จะมีแผนการผลิตแว่น AR/VR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- 3 ดัชนีหลักฟื้นกลับมาปิดลบเล็กน้อย หลังจากที่ปรับลงราว 1-2% ในช่วงต้นของการซื้อขายเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี DJIA -0.2%, S&P 500 -0.1% และ Nasdaq -0.2% หลังเจอโรม พาวเวล แถลงนโยบายการเงินประจำครึ่งปีต่อสภาคองเกรส โดยเผยว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง พร้อมที่จะรับมือกับการขึ้นดอกเบี้ย และยังย้ำว่าต้องการสกัดเงินเฟ้อให้อยู่ต่ำกว่า 2% ทั้งนี้ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่า Fed จะไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็ตาม ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 3% กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดย Exxon Mobil (XOM) -4.0% และ Chevron (CVX) -4.4%
- Amazon (AMZN) เปิดตัวหุ่นยนต์อัตโนมัติที่ไว้ใช้งานในคลังสินค้า โดยเปิดตัวทั้งหมด 3 ชนิด คือ 1. Proteus หุ่นยนต์สำหรับขนย้ายรถเข็นใหญ่ทำให้ไม่ต้องใช้แรงงานคน 2. Cardinal ระบบแขนยกกล่องสินค้า และ 3. Amazon Robotics Identification ระบบแสกนบาร์โค้ดอัตโนมัติ เราคาดว่าการใช้หุ่นยนต์จะช่วยให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ $176.10
ตลาดหุ้นฮ่องกง
- วานนี้ดัชนีฮั่งเส็งปิดลบ 2.6% นำโดย Sunny Optical (2382) -7.4%, JD.com (9618) -6.2% และ Anta Sports (2020) -5.0% ขณะที่ธนาคาร UBS เผยผลสำรวจผู้บริหาร 507 รายในเดือนเม.ย.-พ.ค.พบว่าการแพร่ระบาดของโควิดในปี 65 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากกว่าปี 64 ด้าน MTR (0066) ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Cyberport สำหรับการร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอบริการที่ล้ำสมัยขึ้นให้กับลูกค้า ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP MTR ที่ HKD45.00
- Tencent (700) เตรียมจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบริการคลาวด์แห่งที่ 3 ในญี่ปุ่น หลังธุรกิจคลาวด์ในญี่ปุ่นมีรายได้โตเป็นเลขสามหลักต่อปี โดยมีแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของเกมออนไลน์และระบบการสตรีมสด ซึ่งหากธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังบราซิลและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติม เรามองว่าบริษัทจะใช้ประสบการณ์ในธุรกิจเกมเพื่อสนับสนุนบริการคลาวด์แก่บริษัทเกมในญี่ปุ่น ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP ที่ HKD467.77
ตลาดหุ้นเวียดนาม
- วานนี้ดัชนี VN ปรับลงต่อ 0.3% นำโดยกลุ่มพลังงาน POW -6.8% และ PC1 -7.0% หลังกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าออกเอกสารให้การไฟฟ้าเวียดนาม ตรวจสอบและยุติข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการไฟฟ้าที่ละเมิดกฎหมายบางประการ อย่างไรก็ดีโบรกเวียดนามได้มีการหารือกับทางผู้บริหารของ POW โดยผู้บริหารเผยว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ขณะที่ผู้บริหาร CII เผยคาดกำไรสุทธิ 2Q22 ที่ VND53bn โต 4 เท่าจากปีก่อน ด้าน Bloomberg Consensus ให้ TP CII ที่ VND28,150
- ผู้บริหารของ MWG ที่มีสัดส่วน 17% ในดัชนี VN Diamond ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของ DR FUEVFVND01 เผยในงานประชุมนักวิเคราะห์ว่า ร้านค้าปลีกอาหารสด BHX กำลังจะปรับปรุงเสร็จสิ้นภายใน 3Q22 นี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เพิ่มยอดขายต่อสาขาในปี 65 ได้ราว 30%YoY และจะถึงจุดคุ้มทุนในปี 66 จากนั้นคาดว่าจะกลายเป็นรายได้หลักของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังเร่งขยายสาขาร้านขายยา An Khang ในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีอยู่ 392 สาขา เพิ่มขึ้นจาก 178 สาขา ณ สิ้นปี 64 โดยตั้งเป้าขยาย 800 สาขาปีนี้