ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

รีบาวด์ก่อนผันผวนต่อ ฟันด์โฟลว์ยังดูไม่ดีในระยะสั้น

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ รีบาวด์แต่จะยังผันผวนสูง... หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าคาด ลงแรงในช่วงบ่ายตามฟิวเจอร์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมทั้งความกังวลต่อเงินเฟ้อ หลังจากอังกฤษรายงานเงินเฟ้อ พ.ศ. พุ่ง 9.1% YoY กดดันจิตวิทยาหุ้นยุโรป… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมดีขึ้นเล็กน้อย i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนตลอดช่วงซื้อขายก่อนปิดไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หลังจากประธาน ธ.กลางสหรัฐฯ Jerome Powell ไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ใดๆ ในการแถลงต่อสภาคองเกรส โดยเขากล่าวในลักษณะเดียวกับการแถลงหลังประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่าเฟดจะมุ่งมั่นในการชะลอเงินเฟ้อ ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ii) ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อ หลังจากนักลงทุนมีความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งจากข่าวที่ว่าสหรัฐฯ เตรียมลดภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซล รวมทั้งจะมีการเจรจากับโรงกลั่นเพื่อให้ช่วยลดภาระ (แนวเดียวกับประเทศไทย) ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะลดแรงกดดันเงินเฟ้อ และขณะเดียวกันจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานต่อไปในช่วงสั้น ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป ในคืนวันนี้จะมีตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งตัวเลข S&P Global flash PMIs ของเดือน มิ.ย. ด้วย… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ทรงตัวต่ำ อยู่ที่ 2,299 ราย เสียชีวิต 18 ราย และ หายป่วยกลับบ้าน 1,783 ราย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร TFG, M, MAJOR*

  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.35 บาท / แนวต้าน 6.7 บาท กรณี Break แนวต้านนี้ได้  ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 7.15 บาท (Stop loss 6.0 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q – 3Q โตเด่น จาก i) การส่งออก โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่เติบโตดี โดยมีความต้องการสั่งซื้อที่แข็งแกร่งจาก ยุโรป และมาเลเซีย ii) ราคาเนื้อสัตว์ (ทั้งหมูและไก่) ทรงตัวสูงต่อเนื่อง ชดเชยราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับขึ้นมาได้ 3) แผนการเปิดสาขาร้านขายปลีกของตัวเอง จาก 85 สาขาในสิ้นปี 2564 เป็น 200 สาขาในสิ้นปีนี้ จะเป็นอีกประเด็นที่หนุนอัตรากำไร 4) Valuation ไม่แพง Forward PE หลังการปรับประมาณการฯในบทวิเคราะห์วันนี้ ต่ำเพียง 15.8 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 17 เท่า) ขณะที่คาดกำไรปีนี้โตเด่น +340% YoY
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50 บาท / แนวต้าน 52 – 53 บาท กรณี Break กรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 55 บาท (Stop loss 49 บาท) 2) ประเมินแนวโน้ม Earnings momentum จะเริ่มเป็นขาขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส หลังปลดล็อคมาตรการโควิด-19 และเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ 3) ราคาหุ้นพักฐาน คาดเป็นผลจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ แต่เราประเมินผลกระทบน้อย เนื่องจากพิสูจน์ใน 1Q65 แล้วว่ามีการปรับราคาขายขึ้น แต่ไม่กระทบยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ราคาหุ้นที่ Laggard กลุ่มเปิดเมือง จึงเป็นโอกาสซื้อเก็งกำไร ขณะที่ Valuation ไม่แพง PBV 3.47 เท่า คิดเป็นเพียง 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่คาดกำไรทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับใกล้เคียงปกติได้ใน 2H65
  • MAJOR (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 21.3 บาท / แนวต้าน 21.8 – 22.0 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 22.5 บาท (Stop loss 20.6 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบแล้ว โดยยอดโฆษณาในโรงภาพยนตร์เริ่มฟื้นตัวเด่น (อ่านรายละเอียดบทวิเคราะห์กลุ่มสื่อวันนี้ เพิ่มเติม) บวกหนังฟอร์มยักษ์ทยอยเข้าฉายตั้งแต่ต้น 2Q65 ฝ่ายวิจัยฯ คาดปีนี้พลิกเป็นกำไรจากการดำเนินงาน และปี 2566 คาดกำไรโตกลับสู่ระดับ +1 พันล้านบาท/ปี 3) Valuation และราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว PBV 2.65 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่ Forward PE ปีหน้าคาดจะลดลงเหลือเพียง +/-16.5 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) LEO เซ็นร่วมมือ “Yunnan Tengjun” พัฒนาบริการรถไฟอีคอมเมิร์ซไทย-จีน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์” เดินหน้าเซ็นสัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding Ltd. รัฐวิสาหกิจจีน เร่งพัฒนาระบบขนส่งผลไม้และสินค้าอีคอมเมิร์ซ ทางรถไฟระหว่างไทยและจีน ผ่านแพลตฟอร์มที่สร้างร่วมกัน ผู้บริหารเผยความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้ LEO สามารถขยายการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับการขนส่งสินค้าทางรางไปยังประเทศจีนได้ครบวงจรมากขึ้น หนุนนักธุรกิจไทยส่งออกผลไม้ไปจีนได้มากขึ้น

(+) JCK ทุ่มงบ 2.5 พันล้าน ผุดกัญชา-กัญชงครบวงจร (กรุงเทพธุรกิจ) “เจซีเค” ผุดสวนอุตสาหกรรม แคนนาบิซ ครบวงจรแห่งแรกในเอเชีย มูลค่า 2.5 พันล้าน “กัญชา” เน้นทางการแพทย์ “กัญชง” พุ่งเป้าธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง-ธุรกิจสปา-พลาสติก Bio Resin ที่มีมูลค่ากว่าหลายแสนล้าน

(+) CHAYO ลุ้นปิดดีลขาย NPA รุกสินเชื่อธุรกิจท่องเที่ยว (ทันหุ้น) CHAYO แย้มอยู่ระหว่างเจรจาขาย NPA 2-3 แปลง มูลค่าหลัก 100-200 ล้านบาทต่อแปลง มองครึ่งหลังปี 2565 เด่น กำงบกว่า 2 พันล้านบาท รอซื้อหนี้ทุนพอร์ตเพิ่ม คาด TOR มูลหนี้ออกตลาดอีกกว่า 4 หมื่นล้านบาท ด้านธุรกิจสินเชื่อหากเปิดประเทศท่องเที่ยวเต็มกำลัง เตรียมปล่อยสินเชื่อรถ-เรือ ร้านอาหาร โรงแรมเพิ่ม

(+) 7 โรงไฟฟ้าขยะ วิ่งคึกรับกพช. ซื้อไฟ 100 เมกฯ (ข่าวหุ้น) “กพช.” เคาะซื้อไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมปีนี้ 100 เมกะวัตต์ อัตรา 6.08 บาทต่อหน่วย กำหนด SCOD ในปี 69 หนุน 7 หุ้นโรงไฟฟ้า ขยะ ACE-SUPER*-PSTC-BWG-TPCH-STPI-ETC วิ่งคึก!

(0) ALL เตรียมเพิ่มทุน 792.78 ล้านหุ้น คาดได้เงิน 1 พันล. ใช้หนี้ พัฒนาโครงการใหม่ (ข่าวหุ้น) บอร์ด ALL ไฟเขียวชงที่ประชุมผู้ถือหุ้น 5 ส.ค.นี้ อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนกว่า 792.78 ล้านหุ้น แบ่งเสนอขาย 359.12 ล้านหุ้น ให้บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ “ECHELON CAPITAL HOLDINGS LIMITED” ส่งผลถือหุ้น 19.90% และอีก 433.65 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม-PP คาดแล้วเสร็จ 1 ปี รับเงิน 1,000 ล้าน บาท ใช้หนี้ ลงทุนโครงการใหม่

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) แนวรับ 133 บาท / แนวต้าน 136-138 บาท (Trailing stop 133 บาท)
  • BLA* (เป้า Consensus 53 บาท) แนวรับ 43.5 บาท / แนวต้าน 45-48 บาท (Trailing stop 43 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 25.75 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 13.6 บาท / แนวต้าน 14.5-15.0 บาท (Trailing stop 13.0 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.0 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) แนวรับ 147.5 บาท / แนวต้าน 152.5-154 บาท (Stop loss 146 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 24.4 บาท / แนวต้าน 25.25-26.5 บาท (Stop loss 24.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

TFG แนะนำ “ซื้อ ” เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯ ขึ้น สะท้อนแนวโน้มอัตรากำไรดีกว่าคาด โดยเฉพาะจากธุรกิจเนื้อไก่ รวมทั้งมีมุมมองบวกต่อแผนการขยายสาขาร้านขายปลีกของตนเองที่จะช่วยหนุนอัตรากำไร

กลุ่มขนส่ง น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ หลังผ่านวิกฤตโควิด-19 แล้วจำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เลือก AOT เป็นหุ้นเด่น

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” วิเคราะห์งบดุลเดือน พ.ค. ของกลุ่มธนาคารฯ ในภาพรวมการลงทุนในตลาดพันธบัตรลดลง (ผลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ผันผวน) แต่ไปขยายตัวที่การลงทุนในตลาดเงิน (Money market) อัตราการเติบโตของสินเชื่อยังทรงตัว (ยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่) ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองบวกสำหรับการฟื้นตัวใน 2H65 เลือก KBANK* KTB*  เป็นหุ้นเด่น ที่ไม่มีปัจจัยลบกดดัน

กลุ่ม Non-Bank น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ผลจากการที่ภาครัฐตั้งเป้ากำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่  โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ จะกระทบความสามารถทำกำไรของหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่เน้นสินเชื่อจักรยานยนต์ ทั้งนี้สำหรับหุ้นในกลุ่มฯ ที่ฝ่ายวิจัยฯ ออกบทวิเคราะห์ อย่าง SAWAD* คาดความสามารถในการทำกำไรจะลดลง ขณะที่ MTC* กระทบไม่มาก

- Advertisement -