บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Transportation Sector: Traffic มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

Event

แนวโน้มใน 2H65

Impact

จะยกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม

หลังจากที่เริ่มเปิดประเทศบางส่วนมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 อุปสงค์การเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวแสดงสัญญาณที่แข็งแกร่ง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายวันเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 597% จาก 7,900 คน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็น 55,200 คน MTD ในเดือนมิถุนายน 2565 นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่จําเป็นต้องลงทะเบียน Thailand Pass และไม่จําเป็นต้องทําประกันสุขภาพวงเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป ซึ่งข้อกําหนดดังกล่าวสำหรับคนสัญชาติไทยถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน แต่ยังมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติอยู่ และตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทยจะถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าจะสามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ และจะไม่มีข้อจำกัดในการคุม COVID-19 อีกต่อไป เราคิดว่าประเด็นนี้เป็นบวกกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

คาดว่าปริมาณ traffic โดยรวม ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น YoY 

เมื่ออิงจากข้อมูล Google Mobility กิจกรรมการใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก และนันทนาการฟื้นตัวได้เร็วที่สุดหลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัด และสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณ Traffic กลับมาฟื้นตัวจนใกล้ระดับปกติแล้ว (ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์)

การขนส่งทางอากาศดูโดดเด่นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางขนส่งทางอากาศ และธุรกิจด้านการบิน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ซึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา การเดินทางภายในประเทศเป็นแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมองไปข้างหน้า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นตัวหลักที่ขับเคลื่อนกำไรของบริษัทในกลุ่ม โดยเฉพาะ AOT* ซึ่งการตามปกติแล้วเส้นทางระหว่างประเทศจะทำรายได้และกำไรให้บริษัทมากกว่า สำหรับภาพในระยะยาว การเชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ มีความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจ สำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค (ได้แก่ ตะวันออกกลาง และเอเชีย-แปซิฟิก)  ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของการเดินทางทางอากาศอย่างต่อเนื่อง

คาดว่าการขนส่งทางอากาศจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H65 และปี 2566

เราคาดว่าธุรกิจการขนส่งทางอากาศจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งใน 2H65 หลังจากที่ปริมาณ traffic ลดลงอย่างมากในช่วงปี 2563-64 โดยแนวโน้มที่ดีขึ้นจะได้แรงสนับสนุนจาก i) การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มที่ ii) ได้รับผลกระทบด้านลบจากการติดเชื้อ COVID-19 น้อยลง และ iii) จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก ASEAN (43,707% YoY ใน 4M65) และอินเดีย (+15,081% YoY) ทั้งนี้ ในส่วนของ AOT เราคิดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์โดยตรงจากประเด็นการเปิดประเทศตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นไป โดยจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากฐานที่ต่ำในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการของบริษัทจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนกำไรให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี FY66 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566)

Traffic ของระบบขนส่งมวลชนในปัจจุบันน่าจะฟื้นตัวช้ากว่า

นโยบาย WFH และเรียนหนังสือออนไลน์ ทำให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางขนส่งฟื้นตัวได้ช้าลง (ประมาณครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนที่ COVID ระบาด) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผู้คนจะกลับเข้ามาทํางานในออฟฟิศ และเรียนหนังสือที่โรงเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางขนส่ง และอัตรากำไรของธุรกิจขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้นใน 2H65

Valuation & Action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มขนส่งที่ Neutral โดยเลือก AOT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจาก i) คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้นในช่วง 2H65 และ ii) สถานะทางการเงินแข็งแกร่งแม้จะประสบภาวะวิกฤติ เรายังคงคําแนะนําซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY65 ที่ 73.00 บาท

Risks

COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้

- Advertisement -