AGE ติดโผเข้าคัดเลือกคำนวณดัชนี sSET ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 มีผล 1 กรกฎาคมนี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของผลประกอบการที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านแผนงานปีนี้ พร้อมเดินหน้าเต็มพิกัด ลุยธุรกิจการจำหน่ายถ่านหิน และการให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรต่อเนื่อง สร้างการเติบโตทุกธุรกิจในเครือ ทั้งปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น แตะระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า การที่บริษัทได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดย AGE เป็น 1 ใน 28 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณใน ดัชนี sSET นับป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อบริษัทและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งทางด้านผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การวางแผนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต และการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ ทางบก ท่าเรือ คลังสินค้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และได้มีการตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจส่งออกมันสำปะหลัง จำนวน 1,000 ล้านบาทเพิ่มเติม ส่งผลให้มีการตั้งเป้ารายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าลงทุนขยายพื้นคลังเก็บสินค้าเพิ่มอีก 10,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินสำหรับการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าดังกล่าวประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการกองเก็บสินค้าทางการเกษตรเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีคลังเก็บสินค้าที่ให้บริการอยู่แล้วจำนวน 5 หลัง
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AGE มุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับกับความต้องการใช้สินค้าทั้งถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจให้บริการขนส่งทางน้ำ ทางบก ท่าเรือ และคลังสินค้าที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และยังมีการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจเทรดดิ้งด้านการจำหน่าย และการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้ผลการดำเนินงานของปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีการปรับเป้ารายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 89% ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 5% และธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตร 6% พร้อมตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหิน ที่ระดับ 6.5 ล้านตัน” นายพนม กล่าว
*******