ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง DTCENT เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 305 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนใน SET กลุ่มไอซีที คาดสามารถส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ภายในปีนี้ ตั้ง “แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชูจุดเด่นจากการเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม GPS มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถ ความพร้อมของบุคลากรในการพัฒนาธุรกิจ ได้รับความเชื่อมั่นจากพันธมิตรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อขยายธุรกิจและเติบโตไปด้วยกัน

 

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการลงทุนสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ รองรับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

สำหรับ DTCENT ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม GPS โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565) ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถ และความพร้อมของบุคลากรในการขยายหรือพัฒนาธุรกิจ ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากพันธมิตรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อขยายธุรกิจและเติบโตไปด้วยกัน ได้แก่ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (YES) และบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) โดยในความร่วมมือกับ YES ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ และมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทได้รับโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยมีการเตรียมความพร้อมที่จะผลักดันให้บริษัทเป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ

ส่วนการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ BRS จะทำให้เพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัทในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์

นอกจากธุรกิจ GPS Tracking แล้ว กลุ่มบริษัทมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นระบบอัจฉริยะในกลุ่มงาน IoT  อันประกอบด้วย ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น, BAMS (Business Activity Management System), BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform และระบบ AI สำหรับงาน IoT

ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2562- 64 และงวด 3 เดือน ปี 2565 กลุ่มบริษัท มีรายได้รวมเท่ากับ 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท 591.53 ล้านบาทและ 156.23 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ โดยรายได้ในส่วนนี้จะเติบโตสอดคล้องกับจำนวนฐานลูกค้าที่ใช้บริการอุปกรณ์ติดตามยาพาหนะ (GPS Tracking) ของกลุ่มบริษัท ส่วนของกำไรสุทธิในปี 2562-64 และงวด 3 เดือน ปี 2565 เท่ากับ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท 77.24 ล้านบาท และ 13.18 ล้านบาท ตามลำดับ

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ DTCENT เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น โดยเป็นการเพิ่มทุนจาก 900 ล้านหุ้น เป็น 1,205 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วน 25.31% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปีนี้ ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

สำหรับ DTCENT ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการเช่าอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) รวมถึงระบบเทเลเมติกส์สำหรับยานพาหนะและซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขนส่งอย่างครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพัฒนาโครงการไอโอทีโซลูชั่น (IoT Solution) ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าทั้งในภาครัฐบาล และในภาคเอกชน

ทั้งนี้ DTCENT มีบริษัทย่อยจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ จำกัด (WS) บริษัท ไทย ดิจิทัลแมพ จำกัด (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ จำกัด (DCORE) โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 90.00 ร้อยละ 95.00 และ ร้อยละ 90.00 ตามลำดับ

*******

- Advertisement -