บล.ทรีนีตี้

ธนาคารกสิกรไทย – KBANK

จัดตั้ง JK AMC ตั้งเป้าซื้อหนี้แสนล้านใน 3 ปี

KBANK และ JMT ร่วมแถลงเรื่องการได้รับอนุมัติจาก ธปท. ให้จัดตั้ง JK AMC เมื่อวัน 21 มิ.ย. 65 โดยมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท ซึ่งทาง KBANK ถือหุ้นสัดส่วน 50% และ JMT ถือหุ้น อีก 50% โดยทาง KBANK ตั้งเป้าจะขายหนี้ SME ขนาดกลาง-เล็ก และหนี้รายย่อยให้แก่ JK AMC ตั้งเป้าการขายภายใน 3Q65 ราว 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นทั้งหนี้ที่มีหลักประกันและหนี้ไม่มีหลักประกัน (คาดหนี้ไม่มีหลักประกันมีสัดส่วนมากกว่า) และเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2565 ทาง JK AMC ตั้งเป้าจะมีมูลหนี้ราว 100,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการรับโอนจาก KBANK และอาจมีการประมูลซื้อจากสถาบันการเงินอื่น (ที่ไม่ใช่ธนาคาร) เพิ่มเติม โดยในปี 2565 คาดจะสามารถรับรู้กำไรได้เลย (ทั้ง KBANK และ JMT รับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในสัดส่วน 50:50) เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของทาง JK AMC จะค่อนข้างต่ำ เนื่องจากอาศัยระบบของ JMT มาช่วยบริหาร (ซึ่งคาด JMT จะได้รายได้ ค่าธรรมเนียมจากการบริการติดตาม NPL) ขณะที่ในแง่เงินทุนทาง JK AMC ตั้ง Debt Covenant ไว้ที่ 3 เท่า ซึ่งจะทำให้มีเงินลงทุนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท (หากซื้อหนี้มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันในสัดส่วน 30:70 ใกล้เคียงกับที่ JMT เป็นอยู่จะสามารถซื้อหนี้คิดเป็นมูลหนี้ได้ราว 3-4 แสนล้านบาท) ทำให้มีเงินทุนเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในช่วงแรก แต่ในอนาคตทาง KBANK และ JMT พร้อมที่จะเพิ่มทุนใน JK AMC หากมีธุรกิจขยายตัว

เป็นบวกต่อทั้ง KBANK และ JMT

ในส่วนของ KBANK การขาย NPL ออกไปให้กับ JK AMC คาดจะส่งผลบวกให้ NPL และสินเชื่อ Stage 2 ลดลง  ขณะที่กำไรจากการขายหนี้อาจเพิ่มขึ้น (ขายหนี้ในราคาใกล้เคียงเดิม แต่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น) และยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ยังมีผลบวกในทางอ้อมทำให้ Risk Weight Assets ลดลง ซึ่งทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ในส่วนของ JMT คาดจะได้ผลบวกจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC เข้ามาเพิ่ม ทำให้อัตราการเติบโตของกำไรสูงขึ้น โดยเรายังคงราคาเป้าหมายของ KBANK ไว้ที่ 170 บาท และราคาเป้าหมาย ของ JMT ไว้ที่ 103 บาท ซึ่งยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ทั้งคู่

- Advertisement -