ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

รีบาวด์ ก่อนเทรดผันผวนต่อ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคารรีบาวด์ ก่อนเทรดผันผวนต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 0.79% (อ่อนแอกว่าที่เราคาด) โดยความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปชะลอตัวแรง ได้กดดันหุ้นส่งออก เช่น กลุ่มอิเลกโทรนิกส์ และกลุ่มอาหารที่เน้นการส่งออก ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง กระตุ้นให้ต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศกลับมาเป็นบวกเล็กน้อย หลังจากมีรายงานว่า ปธน. โจ ไบเดนของสหรัฐฯ เตรียมยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน (บางส่วน) ในวันที่ 6 ก.ค. นี้ และมีโอกาสที่จะทยอยยกเลิกภาษีไปเรื่อยๆ ในช่วงไตรมาส 3/2565 ซึ่งน่าจะลดแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ รวมทั้งลดแรงกระทบต่อภาคส่งออกของเอเชียและของไทยจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้… อย่างไรก็ดี ในภาพใหญ่ยังมีปัจจัยรบกวนตลาดหุ้นอยู่ ว่าด้วยความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในฝั่งตะวันตก และนักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ เช่น ดัชนี ISM ภาคบริการ และรายงานการประชุมเฟด (FOMC meeting minutes) ในวันที่ 6 ก.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 8 ก.ค. ด้านปัจจัยภายในประเทศ ก.สาธารณสุข แถลงเมื่อวานนี้ เตือนว่า COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนตัวใหม่ กำลังระบาดหนักขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งแม้ว่าฝ่ายวิจัยฯ มองว่าสถานการณ์ยังไม่รุนแรง และไม่น่ากระทบกับธีมการเปิดประเทศ แต่นักลงทุนควรติดตามพัฒนาการดังกล่าวใกล้ชิดเช่นกัน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร BCH*, BBL*, TFG

  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19 บาท / แนวต้าน 19.8 – 20.3 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสปิดแก๊ปราคาที่ 20.7 บาท (Stop loss 18.4 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่สามารถรับอานิสงส์ i) การให้บริการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ) ii) รวมทั้งสามารถเปิดรับผู้ป่วยต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นได้ 3) ราคาหุ้นพักฐาน จนทำให้ Forward PE ต่ำเพียง 10.7 เท่า ประเมินหากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อปรับตัวขึ้นอีกระลอก มีโอกาสที่นักลงทุนจะ Switching จากโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยต่างชาติอย่าง BDMS*, BH* มาที่ BCH* อีกครั้ง
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 155 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 133 บาท / แนวต้าน 136.5 – 138.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 142 (Trailing stop 132.5 บาท) 2) ประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่รับอานิสงส์จาก i) แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในไทย โดยคาดที่ประชุม กนง. จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน 2H65 นี้ ii) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเปิดการท่องเที่ยวใน 2H65 3) Valuation ไม่แพง PBV 051 เท่า คิดเป็นเพียง 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด ROE ปี 2565 – 66 ทยอยฟื้นตัว
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.3 บาท / แนวต้าน 6.75 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ไปได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 7.1 บาท (Stop loss 6.0 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q – 3Q โตเด่น จาก i) การส่งออก โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่เติบโตดี โดยมีความต้องการสั่งซื้อที่แข็งแกร่งจากยุโรป และมาเลเซีย ii) ราคาเนื้อสัตว์ (ทั้งหมูและไก่) ทรงตัวสูงต่อเนื่อง ชดเชยราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับขึ้นมาได้ iii) การเตรียมเปิดประเทศของประเทศต่างๆ จะหนุนความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ 4) Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง +/-16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 17 เท่า) ขณะที่คาดกำไรปีนี้โตเด่น +340% YoY

หุ้นมีข่าว

(+) เอไอเอสรวบ 3BB-JASIF JAS ตุน 2 หมื่นล.ปั้น JTS ขึ้นเบอร์หนึ่งบรอดแบนด์ กำไรส่วนต่างวันเดียว 912 ล้าน (ข่าวหุ้น) ADVANC ปิดบิ๊กดีลทุ่ม 32,420 ล้านบาท รวบซื้อ TTTBB-JASIF ดันบริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมทั่วประเทศ คาดธุรกรรมเสร็จไตรมาส 1/66 หนุนขึ้นเบอร์หนึ่งบรอดแบนด์ ฟากผู้บริหาร ADVANC จัดประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ การันตีดีลนี้สร้างกำไรแน่นอน ฟาก JAS ตุนเงินเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ลุยปั้น JTS สู่เทคคัมปานี พร้อมลุ้นมีปันผลพิเศษ ส่วนกรณี ADVANC กำหนดราคาซื้อ JASIF หน่วยละ 8.50 บาท เทียบราคา JASIF ปิดล่าสุด ADVANC มีกำไรส่วนต่างราคาหุ้นในกระดาน (ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) หุ้นละ 0.60 บาท หรือราว 912 ล้านบาท

(+) BA ตั้งทรัสต์ BAREIT มูลค่า 14,300 ล้าน (ข่าวหุ้น) นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้เดินหน้าจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BAREIT) เพื่อเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โครงการสนามบินสมุยของการบินกรุงเทพ ปัจจุบันได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยมีบริษัท กรุงเทพ รีทแมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเป็นผู้จัดการกองทรัสต์

(+) OR* จับมือไปรษณีย์ไทยนำร่อง EV Bike ส่งสินค้า (ข่าวหุ้น) OR* จับมือไปรษณีย์ไทย ทดสอบการใช้ EV Bike ของไทยฮอนด้าขนส่งสินค้าและพัสดุ นำร่องสาขาหลักสี่และจตุจักร พร้อมพัฒนาความร่วมมือการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

(+) UBE ทุ่ม 82 ล้านปิดดีลซื้อกิจการ “อุบลแสงอาทิตย์ โซลาร์ฯ ลอยน้ำ 2.83 เมกฯ (ข่าวหุ้น) “อุบล ไบโอ เอทานอล” ทุ่มงบ 82.41 ล้านบาท ปิดดีลซื้อกิจการ “อุบลแสงอาทิตย์” รุกธุรกิจโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ 2.83 เมกะวัตต์ สร้างความแข็งแกร่งทางพลังงาน ตั้งเป้าลดต้นทุนค่าไฟฟ้า พร้อมเดินหน้าสู่การใช้พลังงานสะอาด 100%

(+) RATCH* จับมือ ‘เน็กซ์ซิฟ” เปิดโรงไฟฟ้าโคเจน 92 เมก (ทันหุ้น) RATCH* ร่วมทุน “เน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี” เปิดโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น NRER ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิต 92 เมกะวัตต์ อย่างเป็นทางการมีสัญญาขายไฟฟ้าให้ กฟผ. 90 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 25 ปี รวมทั้งให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมในเขตอีอีซี

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26.0 บาท / แนวต้าน 26.5-27.5 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไป 29 บาท (Trailing stop 25.5 บาท)
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 14.1 บาท / แนวต้าน 15.0-15.6 บาท (Trailing stop 13.3 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51.75 บาท / แนวต้าน 53-55 บาท (Trailing stop 50 บาท)
  • KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) แนวรับ 149 บาท / แนวต้าน 153-158 บาท (Stop loss 147 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 29.5-30.0 บาท (Stop loss 27.0 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 24.8 บาท / แนวต้าน 25.25-26.5 บาท (Stop loss 24.5 บาท)
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 21.5 บาท / แนวต้าน 22.0-22.5 บาท (Stop loss 21.2 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.1-13.3 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
  • BEM* (เป้า Consensus 9.96 บาท) แนวรับ 8.7 บาท / แนวต้าน 8.9-9.0 บาท (Stop loss 8.6 บาท)
  • MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) แนวรับ 34.5 บาท / แนวต้าน 36-37.5 บาท (Stop loss 34 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • PTTEP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 173 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 1.9 หมื่นล้านบาท (+166% YoY, +80% QoQ) โดยกำไรที่โตเด่นในไตรมาสนี้เป็นผลจากราคาขายและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H65 จะเริ่มชะลอตัวลงจากการขยายกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดชะลออุปสงค์น้ำมัน
- Advertisement -