บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY

TP upside (downside) 35.0%

Close Jul 4, 2022 Price (THB) 12.00

12M Target (THB) 16.20

Previous Target (THB) 20.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 155-170 ลบ. ทรงตัวถึงเติบโต 8% QoQ จากรายได้ Air Freight และ Cross Border Service ขณะที่กำไรคาดเติบโต 39% ถึง 53% YoY หลักๆ จากรายได้ Sea Freight
  • ประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่จำกัดมาก เพราะมีการปรับราคาขึ้นไปแล้วในเดือนเม.ย. 65 เฉลี่ย 5% และคาดว่าการปรับราคาจะไม่ทำให้ความต้องการใช้ขนส่งข้ามพรมแดนลดลง

Our view

  • คงประมาณการปี 65 ที่ 591 ลบ. (+10.6% YoY) และได้แรงหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี ประเมินหากค่าเงินบาทเฉลี่ยปี 65 เท่ากับค่าเฉลี่ย YTD ที่ 33.6 THB/USD จะส่งผลให้ประมาณการปี 65 มี Upside ราว 5.2%
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 16.20 บาทต่อหุ้น จากการปรับ Target PER ลงเพื่อสะท้อน ความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจที่อาจขยายตัวลดลงในปี 66/67 โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 13.2x ใกล้เคียง -1.50 S.D. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของกลุ่มฯ คาดสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว

WICE LOGISTICS กำไรระยะสั้นยังแข็งแกร่ง ได้แรงหนุนบาทอ่อน

คาดกำไรปกติ 2Q65 ทรงตัวถึงโตเล็กน้อย QoQ และเติบโตสูง YoY

เบื้องต้นเราคาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 155-170 ลบ. คาดทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย QoQ จาก 1) รายได้ Air Freight คาดเพิ่มขึ้น QoQ ตามปริมาณขนส่งทางอากาศ และ 2) รายได้ Cross Border Service คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ QoQ ตามจำนวนเที่ยวขนส่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (มาจากด่านชายแดนมีการเปิดมากขึ้นแล้วในเดือนมิ.ย. 65 ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องใน 3Q65) อย่างไรก็ตาม รายได้ Sea Freight คาดลดลงเล็กน้อย QoQ โดยค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์เฉลี่ยใน 2Q65 ปรับลดลงถึง 13.2% QoQ (อ้างอิง Shanghai Container Freight Index) แต่หักล้างได้บางส่วนกับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จาก Low season ใน 1Q65 ขณะที่กำไร 2Q65 คาดเติบโต 39% ถึง 53% YoY หลักๆ มาจากรายได้ Sea Freight ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์และปริมาณการขนส่ง

ราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น ไม่น่ากังวล

ประเด็นยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 65 เรามองผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งข้าม พรมแดนในเชิงผลกระทบต่อ GPM อยู่ในระดับที่จำกัดมาก เนื่องจากบริษัทมีการปรับราคาค่าบริการสำหรับสัญญา ระยะสั้นไปแล้วในเดือน เม.ย. 65 เฉลี่ย 5% +/- (โดยลูกค้าระยะยาวที่คิดเป็นสัดส่วนราว 70% จะคิดค่าบริการผันแปรตามราคาน้ำมันอยู่แล้ว) นอกจากนี้ การปรับราคาขึ้นคาดไม่ได้ส่งผลให้ความต้องการขนส่งข้ามพรมแดนลดลง เนื่องจาก 1) ค่าบริการการขนส่งอื่นๆ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเช่นเดียวกัน (ขนส่งทางทะเลและทางอากาศมี Fuel Surcharge) และ 2) ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางทางอากาศในปัจจุบันที่ยืนระดับสูงกว่า 3-4 เท่า จากระดับก่อนเกิดโควิดทำให้การขนส่งข้ามพรมแดนยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

ประมาณการปี 65 ยังมองไม่เห็น Downside

เบื้องต้นเราคาดูแนวโน้มกำไรปกติ 3Q65 มีโอกาสเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการเข้าสู่ช่วง High season หนุน ปริมาณขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศ และคาดค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์จะทรงตัวในระดับสูงถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่ ก.ค. 65 อ้างอิงตัวเลข Schedule Reliability (ซึ่งมีความสัมพันธ์ตรงข้ามกับค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์) เดือน พ.ค. 65 รายงานที่ 36.4% ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประโยชน์จาก 1) การที่สหรัฐยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเซลล์แสงอาทิตย์จากประเทศไทยตั้งแต่เดือน มิ.ย. 65 โดยบริษัทมีฐานลูกค้าเดิม 2-3 รายที่ส่งออกเซลล์แสงอาทิตย์อยู่แล้ว เราประเมินเบื้องต้นมีโอกาสได้จำนวนตู้เพิ่มขึ้น 700-1400 TEU ต่อปี คิดเป็น Upside ต่อประมาณการปี 65/66 ราว 2.0% และ 4.0% ตามลำดับ (กรณีมีลูกค้าใหม่เพิ่มเติมจะช่วยให้ Upside มากขึ้น) และ 2) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 5 ปี ทำให้บริษัทจะได้ประโยชน์ทางตรงเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจ Sea Freight และ Air Freight อิงจากค่าระวางที่ Quote เป็น USD ดังนั้นหากกำไรต่อหน่วยที่เป็น USD เท่าเดิม แต่เงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลให้ฐานกำไรหน่วยเงินบาทสูงขึ้น และได้ประโยชน์ในเชิงปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าถูกลงในมุมมองต่างชาติ โดยเราประเมินว่าหากค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 65 เท่ากับค่าเฉลี่ย YTD ที่ 33.6 THB/USD จะส่งผลให้ประมาณการปี 65 มี Upside ราว 5.2%

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นลบเกี่ยวกับความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัว จากการใช้นโยบายทางการเงิน ที่เข้มงวด เราคาดผลกระทบในระยะสั้นจำกัด อ้างอิงจาก National Retail Federation คาดการณ์ตัวเลขนำเข้าจากท่าเรือหลักในสหรัฐอเมริกาเดือน มิ.ย.-ก.ค. 55 ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เติบโต 5.3% -6.6% YoY (ใกล้เคียงกับระดับจุดสูงสุดในเดือน มี.ค. 65) แต่คาดจะส่งผลในระยะยาว อาทิ ปี 66/67 โดยหากเศรษฐกิจชะลอก็จะทำให้ปริมาณการขนส่งระหว่างประเทศและค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ชะลอตัวลงตาม

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 65 ลงเป็น 16.20 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 65 ลงเป็น 16.20 บาท/หุ้น เนื่องจากปรับลด Target PER ลงเป็น 17.8x ใกล้เคียง -0.50 5.D. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของกลุ่มฯ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจที่อาจขยายตัวลดลงในปี 66/67 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. 65 ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 22.6% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ที่ 8.2% ทำให้ราคาปัจจุบันซื้อ-ขายบน PER65 ที่ 13.2x ใกล้เคียง -1.50 S.D. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของกลุ่มฯ คาดสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และมี Upside ต่อราคาเหมาะสม 35.0%

- Advertisement -