Our View? “ช่างอ่อนแอเหลือเกิน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,545 /1,535 และแนวต้านที่บริเวณ 1,560 / 1,570 คาดตลาดได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ โดยให้นํ้าหนักกับการรอดูตัวเลข CPI สหรัฐ เดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดยังอยู่ในระดับสูงที่ 8.8% สูงขึ้นต่อเนื่อง และมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 8.6% คาดหากออกมามากกว่าตามที่ตลาดคาด จะกระตุ้นความกังวลถึงแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในระยะข้างหน้าที่รุนแรงต่อเนื่องอีกครั้ง หรือมากกว่าที่ตลาดคาด โดยล่าสุด CME FED Watch Tools คาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในการประชุม FOMC ปลายเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.50% ขณะที่ อัตราดอกเบี้ย ณ.สิ้นปีคาดจะอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% ขณะที่ตลาดสหรัฐเริ่มติดตามการประกาศผลประกอบการ ของ บจ. โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ตลาดคาดว่าผลกำไรจะออกมาชะลอตัวลงกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุนได้เช่นกัน

ขณะที่ความเคลื่อนของไหวตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดย US Bond Yield ยังคงเกิดภาวะ Inverted yield curve ในพันธบัตรอายุ 2 – 10 ปี ต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลตลาดยังคงกังวลการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย คาดยังเป็นปัจจัยหลักจํากัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่

สัปดาห์นี้-หน้า ยังต้องติดตามแนวโน้มการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนของสหรัฐมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสกัดการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาณหลังการประชุม G20 ล่าสุด สหรัฐ-จีน ยังมีบรรยากาศไม่สู้ดีนัก จากการที่ รมว.การต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศยังคงตึงเครียด โดยสหรัฐได้หยิบยกประเด็นการสนับสนุนสงครามของรัสเซียในยูเครน ทำให้ความสัมพันธ์ สหรัฐ-จีน ซับซ้อนมากขึ้น คาดอาจส่งผลให้การยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้าน่าเข้าจีนล่าช้าออกไป ขณะที่คาดว่าตลาดอาจกลับมากังวลแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีนอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ภาคธุรกิจจีน อาจถูกระงับการดำเนินงาน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5 คาดจะกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้เพิ่มเติม

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้เริ่มอ่อนตัวลงแล้ว โดยปรับตัวผันผวนปิดที่ระดับ 104.09 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.70 ดอลลาร์ หรือ -0.67% ได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปสงค์ที่มีโอกาสลดลงตามแนวโน้มจีนออกมาตรการควบคุม COVID-19 เช่นกัน ผสานกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ในระยะถัดไปยังเป็นปัจจัยหลักจำกัด Upside ของราคาพลังงานได้อยู่ ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GULF และ GPSC) ที่จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง มองเป็นโอกาสในการสะสมต่อเนื่อง อีกทั้ง แนวโน้ม กกพ. ปรับขึ้นค่า Ft. เดือน ก.ย.-ธ.ค. ’65 คาดเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของทิศทางตลาดหุ้นไทยโดนเด่นมากนัก ขณะที่มองความไม่แน่นอนทางการเมืองคาดจะเป็น Noise รบกวนตลาดได้บ้าง อีกทั้งเราเริ่มมีความกังวลต่อประเด็นตลาดเริ่มกลับมากังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ โดยแนะนำติดตามการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แม้เราคาดว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวจะไม่เป็นการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ จากการจำนวนประชากรไทยที่ฉีดวัคซีนมากขึ้นจนมีภูมิคุ้มกันหมู่พอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH, CHG และ THG) ได้อีกครั้ง ขณะที่ สัปดาห์นี้คาดตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการของ บจ. ในตลาดฯ มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นใน กลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไร 2Q′65 ของกลุ่มจะออกมา -4.47% QoQ และ -1.44% YoY คาดเป็นปัจจัยจํากัดการเคลื่อนไหวของตลาดเช่นกัน

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “GPSC”

กลยุทธ์ สะสม แนวรับ 67,00 / 66.00 Target 71.00 / 73.00 stop <65.00

- Advertisement -