Our View? “แย่กว่าคาด แต่ตลาดรับไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,540 / 1,535 และแนวต้านที่บริเวณ 1,555 / 1,565 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่รุนแรงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้า หลังเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น +9.1% มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 8.8% สูงสุดขึ้นต่อเนื่อง และสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ตัวเลข Core CPI ไม่นับรวมอาหารและพลังงานยังปรับตัวขึ้น +5.9% มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 5.8% สะท้อนภาพเงินเฟ้อสหรัฐยังคงเร่งตัวขึ้นในระดับสูง คาดกระตุ้นความกังวลตลาดถึงการคาดการณ์ FED อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75%-1.00% ในการประชุม FOMC ปลายเดือน ก.ค. นี้ อย่างไรก็ดี CME FED Watch Tools คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ณ. สิ้นปี สหรัฐ คาดยังอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว ทำให้ Downside ในประเด็นดังกล่าวเริ่มลดลงบ้าง

ขณะที่ความเคลื่อนของไหวตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดย US Bond Yield ยังคงเกิดภาวะ Inverted yield curve ในพันธบัตรอายุ 2 – 10 ปี ต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลตลาดยังคงกังวลการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย คาดยังเป็นปัจจัยหลักจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่เช่นกัน

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. คืนวันอังคารที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงปิดที่ ระดับ 95.84 ดอลลาร์/บาร์เรล -7.93% ก่อนที่เมื่อคืนนี้จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบปิดที่ระดับ 96.30 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.46 ดอลลาร์ +0.48% โดยราคาน้ำมันได้รับปัจจัยกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ลดลงจากความกังวลจีนออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 อีกครั้ง อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED คาดจะกดดันทิศทางอุปสงค์น้ำมันได้ในระยะถัดไป โดยเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม โรงไฟฟ้า (BGRIM, GULF และ GPSC) ที่จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง มองเป็นโอกาสในการสะสมต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้ม กกพ. ปรับขึ้นค่า Ft. เดือน ก.ย.-ธ.ค. ’65 คาดเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของทิศทางตลาดหุ้นไทยโดนเด่นมากนัก คาดตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการของ บจ. ในตลาดฯ มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไร 2Q′65 ของกลุ่มจะออกมา -4.47% QoQ และ -1.44% YoY อย่างไรก็ตาม คาด BANK ขนาดใหญ่ อาทิ BBL, KBANK และ SCB ผลประกอบการคาดจะออกมาทรงตัว QoQ แต่ยังขยายตัว YoY คาดอาจมีแรงกลับเข้าซื้อหลังประกาศผลประกอบการได้ โดยชอบ KBANK มากที่สุดจากความ น่าสนใจในการร่วมทุนกับ JMT อย่างไรก็ดี เรายังมีความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ใน ประเทศ โดยแนะนำติดตามการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แม้เราคาดว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวจะไม่เป็นการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ จากการจํานวนประชากรไทยที่ฉีดวัคซีนมากขึ้นจนมีภูมิคุ้มกันหมู่พอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH, CHG และ THG) ได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “KBANK”

กลยุทธ์ แนวรับ 145.00 / 143.50 Target 153.00 / 159,00 Stop <143.00

- Advertisement -