ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ปรับลงต่อ แต่ไม่น่าลงแรง

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับลงต่อ แต่ไม่น่าลงแรง… หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวลง (ตามคาด) รอตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งยุโรป และฝั่งสหรัฐฯ… สำหรับในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) เย็นวันที่ 12 ก.ค. ยุโรปรายงานดัชนี ZEW business sentiment เดือน ก.ค. ลดลงหนักสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ii) เมื่อคืนนี้ สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 9.1% YoY สูงกว่าที่ Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 8.8% YoY หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงในเดือน มิ.ย. แต่สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ชะลอเล็กน้อยอยู่ที่ 5.9% YoY สูงกว่าคาดแต่ต่ำกว่า 6.0% YoY ในเดือน พ.ค. ทั้งนี้หลังจากตัวเลขดังกล่าวออกมา สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักกว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% สู่ระดับ 2.75% ในการประชุมเฟดวันที่ 27 ก.ค. นี้ ซึ่งประเด็นนี้ผนวกกับความกังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวในฝั่งตะวันตก น่าจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นต่อไป iii) หุ้นน้ำมันน่าจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเกือบ 8% เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ของไทยลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดยิลด์ 10 ปีอยู่ต่ำกว่า 2.50% และจะช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงของตลาดในเชิงของ valuations ที่คำนวณจากวิธี earnings yield gap… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พรรคเศรษฐกิจไทยซึ่งมี ส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ 16 คน ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้จำนวนเสียงของรัฐบาลเกินกึ่งหนึ่งเพียงเล็กน้อย ต้องติดตามสถานการณ์การเมืองต่อในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 19-22 ก.ค. นี้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร PTG*, OTO, AP*

  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 14.0 บาท / แนวต้าน 14.5-14.8 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 15.2 บาท (Trailing stop 13.5 บาท) 2) ประเมินราคาน้ำมันเริ่มพักฐาน ลดแรงกดดันเรื่องค่าการตลาดฯ ที่มีความเสี่ยง ถูกกดดันจากภาครัฐฯ รวมทั้งคาดเป็นบวกต่อปริมาณขายน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง 15.1 เท่า (ใกล้เคียงกับ – 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ราว +/-16 เท่า) ขณะที่คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว +55% YoY
  • OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 16.5-17.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 14.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) การเพิ่มทีม แข่งขัน Esports ภายใต้สังกัด ZERXIA จากเกมส์ Valorant ล่าสุดเพิ่มอีก 2 เกมส์ คือ PUBG (อยู่ระหว่างลุ้นทำคะแนนเข้าแข่งโปรลีค) และ ROV / ขณะที่สังกัด PSG (เกมส์ ROV) เตรียมเปิดตัวนักกีฬาชื่อดังคนใหม่เข้าทีม ii) คาดเตรียมเปิดตัว Platform HUBBER ที่จะเป็น Community สำหรับ นักเล่นเกมส์ใน 3Q65 นี้ iii) Sentiment บวกจากเหรียญ Z7DAO ที่จะใช้ใน Ecosystem ของ OTO ที่จะเชื่อมโยงนักเล่นเกมส์และนักลงทุนคริปโต เข้ามาอยู่ด้วยกัน 3) คาด 2Q65 เริ่มมีรายได้จาก Esports และธุรกิจ Call center ฟื้นตัวเด่น ทำให้กำไรจากการดำเนินงานโต QoQ (แต่คาดยังมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในตลาดหุ้น)
  • AP* (เป้าพื้นฐาน 12.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.7 บาท / แนวต้าน 10.0-10.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/-11 บาท (Stop loss 9.7 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากประเด็นข่าวรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ อาทิ ขยายเพดานลดค่าโอน-จำนอง ต่ออายุแอลทีวี เปิดทางต่างชาติซื้อบ้าน เป็นต้น ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีน้ำหนักต่อยอดขายบ้านใน 1 – 2 ปีนี้ มากกว่าผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออสังหาฯไทย 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง 6.2 เท่า Dividend yield >5% ต่อปี

หุ้นมีข่าว

(0) PTT* อนุมัติด่วน 3 พันล้าน ส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ (ข่าวหุ้น) บอร์ดปตท.อนุมัติด่วน 3 พันล้านบาท เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะกิจ หลังกองทุนฯ อ่วมหนักติดลบกว่า 1.1 แสนล้านบาท ชี้ยังไร้ข้อสรุป ผลเจรจาโรงกลั่นฯ ช่วยส่งเงิน คาดชัดเจนภายในก.ค.นี้ นอกจากนี้กลุ่มปตท.ส่ง “ฮอริซอน พลัส” จับมือ ROJNA ตั้งโรงงานผลิต EV ในอีอีซี เริ่มผลิตปี 67 กำลังการผลิตเฟสแรก 5 หมื่นคันต่อปี ด้าน OR จับมือ พันธมิตรขยายบริการสถานีสลับแบตเตอรี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า

(+) อสังหาลุ้นครึ่งปีหลังโต (ไทยโพสต์) หวัง “รัฐบาล” อัดมาตรการเสริมปลุกกำลังซื้อ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ลุ้นครึ่งหลังปี 2565 ทะยาน 9.1% หวังอานิสงส์มาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง การผ่อนคลาย LTV และเศรษฐกิจฟื้นตัวช่วย กระทั่งหลังไตรมาส 1 ดัชนีอสังหาฯ โตทะลุ 10% ผู้ประกอบการลุยผุดโครงการใหม่ ทั้งแนวราบ-อาคารชุดพรึ่บ!

(*) OR* เดือนหน้าคิดชาร์จอีวี จับมือคู่ขาผลิตแบตเตอรี่ (ทันหุ้น) OR* จ่อเก็บค่าชาร์จไฟฟ้าอีวีสิงหาคมนี้ เดินหน้าติดตั้งหัวชาร์จในสถานีบริการน้ำมัน PTT และสถานที่สาธารณะทั่วไปแตะ 7,000 สาขาในปี 2573 ล่าสุดร่วมกับ โตโยต้า ทูโช และ อีวีโลโม เพื่อพัฒนามาตรฐานแบตเตอรี่และขยายเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ปลื้มยอดขายน้ำมันเครื่องบินเร่งตัวขึ้น 60-65% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

(+) GUNKUL* ชูครึ่งปีหลังแจ่ม ดีลพาร์ตเนอร์ตั้งรง.ผลิตยา (ทันหุ้น) GUNKUL* ซุ่มดีลพาร์ตเนอร์ตั้งโรงงานผลิตยาที่มีส่วนผสมของกัญชง เปิดช่องรับทรัพย์เพิ่ม คาดชัดเจนในปีนี้ แถมส่งซิกครึ่งหลังปี 2565 ฟอร์มแจ่ม อานิสงส์เข้าไฮซีซันพลังงานลม-ธุรกิจใหม่หนุน ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อน

(+) หุ้น BDMS*-BCH*-BH* ตีปีก รับอานิสงส์ซาอุฯ ขนเงินเข้า 1.1 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) หุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลตีปีก นำโดย BDMS*, BCH* และ BH* รับผลดีกำลังซื้อซาอุฯ และตะวันออกกลางเพิ่ม ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อน ล่าสุด 70 บริษัทเอกชนซาอุฯ จับคู่ลงทุนไทยมากกว่า 11,500 ล้านบาท เน้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, ก่อสร้าง, การดูแลสุขภาพมากสุด

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 26.5 บาท / แนวต้าน 27.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 25.5 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51.25 บาท / แนวต้าน 52.5-53 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 51 บาท)
  • CPF* (เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท) แนวรับ 26 บาท / แนวต้าน 27-29 บาท (Trailing stop 26 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.0 บาท / แนวต้าน 29.0-30.0 บาท (Stop loss 27.5บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.1-13.3 บาท (Stop loss 12.6 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 8.3 บาท) แนวรับ 6.15 บาท / แนวต้าน 6.55-6.75 บาท (Stop loss 6.1 บาท)
  • BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 20.1 บาท / แนวต้าน 20.6-21.0 บาท (Stop loss 19.6 บาท)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 150 บาท) แนวรับ 99 บาท / แนวต้าน 102-103.5 บาท (Stop loss 95 บาท)
  • MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) แนวรับ 34.25 บาท / แนวต้าน 36-37.5 บาท (Stop loss 34 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

BH* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 182 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 743 ล้านบาท (+243% YoY, +2.5% QoQ) โดยคาดกำไรที่โตเด่นไตรมาสนี้เป็นผลจากคนไข้ชาวต่างชาติที่ฟื้นตัว YoY

SISB แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 14.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 74 ล้านบาท (+13.8% YoY, +17.8% QoQ) โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นจุดต่ำสุดแล้ว ยังคงมุมมองบวกต่อพื้นฐานระยะยาว

- Advertisement -