Daily Focus: Value and Defensive Play // Bet on Rebound at 1500-1520+-

2022SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องและปิดลบอีก 9.98 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 6.2 หมื่นลบ. สะท้อนภาพการลงทุนที่ยังค่อนไปในทางลบจากความกังวล FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยอีก 1% ปลายเดือนนี้ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเร่งขึ้นเป็น 2.8 พันลบ.และ 1.5 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีกกว่า 1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับสําคัญ 1,530 จุด ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุน ขณะที่ความกังวลยังอยู่ที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเร่งตัว โดยการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. นี้คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75-1% ส่วนการประชุมกนง.เดือน ส.ค. คาดปรับขึ้น 0.25% ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดแตะ 36.60 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงช่วงปี 2009 ที่มีวิกฤต Subprime แต่หากเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นในยุโรปและเอเชีย โดยรวมไม่ได้อ่อนค่าแรง ภาพรวมจึงยังไม่น่ากังวลและเชื่อว่ามีโอกาสที่มาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าใน 4Q22-1Q23 เป็นต้นไป ตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวระยะสั้นของสินทรัพย์เสี่ยงยังจํากัดจาก Bond Yield ที่ยังยืนสูง และยังคงภาพ Inverted Yield Curve ต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลโอกาสเกิด Recession ปีหน้า แต่ยังคงมุมมอง SET Index จะแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อยู่ในทิศทางเร่งตัว ยังมองแนวรับหลัก 1,500-1,520+- จุดจะทำงานได้ดีและเป็นโอกาสเข้าสะสม โดยคาดหวังการรีบาวด์ ส่วนหุ้นยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value and Defensive Play//รอสะสมหุ้นบริเวณ 1500-1,520+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : EKH

  • แนะน่า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท
  • คาดกำไร 2Q22 ชะลอทั้ง Q-Q และ Y-Y จากฐานที่สูงใน 1Q22 และ 2Q21 ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ใน 2Q22 ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังสูงกว่าช่วงก่อนก่อน COVID-19 สะท้อน Demand บริการทางการแพทย์ที่ยังแข็งแกร่ง
  • แนวโน้ม 3Q22 มีโอกาสเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่กลับมาเร่งตัวขึ้น และทำให้เตียงเริ่มเต็มอีกครั้ง เราคาดกำไรปี 2022 -36% Y-Y แต่ยังสูงกว่าก่อน COVID-19 ถึง 24%
  • แนวรับ 7.55//7.40 บาท แนวต้าน 7.85-8//8.20 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$330 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$296 ล้าน และ US$114 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออก นำโดยไทยและอินโดนีเซีย US$31-40 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก Dollar ที่แข็งค่าจากคาดการณ์ FED ขึ้น ดอกเบี้ย 0.75-1% ในการประชุมปลายเดือนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) TISCO กำไร 2Q22 +3% Q-Q, +11% Y-Y เป็นไปตามคาด สิ่งที่บวกคือ Credit Cost ที่ลดลงหลังตั้งสํารองไปมากในช่วงก่อนหน้า การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังทำได้ดี โดย NPL ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ Coverage Ratio ยังสูง ส่วนอีกประเด็นคือ NIM ที่ขยายตัวจากกลุ่มสินเชื่อ High Yield ที่เพิ่มขึ้น แนวโน้ม 2H22 คาดว่าจะทรงตัว H-H และเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย Y-Y จาก Credit Cost ที่ลดลง ส่วนสินเชื่อคาดปรับขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการปล่อยที่รัดกุมขึ้น ราคาเป้าหมายปี 2023 อยู่ที่ 94 บาท แนะนำ “ถือ” (Source: FSSIA)

(+) ILINK คาดกำไร 2Q22 Flat Q-Q, +4% Y-Y เนื่องจากยังเป็น Low Season ของธุรกิจ Distributor และ Installation ขณะที่แนวโน้ม 2H22 คาดเร่งตัวขึ้นโดยธุรกิจ Distribution ยังสดใสในส่วน Fibre Optic และ Solar Cable ส่วนงาน Installation ยังมีลุ้นงานประมูลใหญ่รวม 3.6 พันลบ. ขณะที่ลูกอย่าง ITEL คาดมีรายได้และกำไรเร่งขึ้น เรายังคาดกำไรปี 2022-2023 +14% ต่อปี ราคาปัจจุบันเทรด PER 9 เท่า และให้ Dividend Yield 6% คงราคาเป้าหมาย 12 มาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ZEN คาดกำไร 2Q22 จะฟื้นตัวดีจากฐานทั้ง 1Q22 และ 2Q21 รวมถึงปรับราคาอาหารขึ้นชดเชยราคาวัตถุดิบที่ขึ้นได้หมด ส่วน Traffic ฟื้นต่อเนื่องตามการ Reopen รวมถึงรับรู้รายได้บริษัทย่อยแห่งใหม่คิงมารีนเข้ามาเต็มไตรมาส สัดส่วนราว 10% ของรายได้รวม แนวโน้มกำไร 3Q22 จะอ่อนลงตามฤดูกาลก่อนทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q22 จาก High Season เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2022 ลงเหลือ 95 ลบ. ยังพลิกจากขาดทุนปีก่อน แต่คาด +68% Y-Y ปีหน้า ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 13.20 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,630.17 จุด ลดลง 142.62 จุด หรือ -0.46% หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และยังคงกังวลว่า Fed อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคาร หลังตลาดกังวลว่า Fed อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตลาดยังกังวลว่า Fed อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง 52 เซนต์ หรือ -0.5% ปิดที่ 95.78 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลว่า Fed จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 29.7 ดอลลาร์ หรือ -1.71% ปิดที่ 1,705.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,016.89 / -6.38

- Advertisement -