Our View? “เดังบ้างอะไรบ้าง”

คาดตลาดวันนี้ “รีบาวด์” มองแนวรับที่บริเวณ 1,530 /1,515 และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 / 1,560 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจาก Sentiment ตลาดต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้าง หลังปรับตัวลงรับรู้ความกังวลในการเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม FOMC วันที่ 26-27 ก.ค. นี้ ที่ระดับ 0.75-1.00% ไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว สอดคล้องกับ CME FED Watch Tools คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปีสหรัฐ คาดยังอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% และอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวในช่วงปีหน้า สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว ทำให้ Downside ในประเด็นดังกล่าวเริ่มลดลงบ้าง อีกทั้งเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. ดีดตัวขึ้น 1.0% MoM และ 9.1% YoY มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังสามารถขยายตัวได้อยู่ คาดจะหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงรีบาวด์ได้บ้าง

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เรายังมีมุมมองเชิงลบต่อทิศทางราคานํ้ามัน โดยเราคาดว่าราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลงได้ ตามแนวโน้มการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย หลัง ปธน. โจ ไบเดน เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียที่ผ่านมา โดยคาดว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรล/วัน และจะไม่สามารถเพิ่มได้มากกว่านั้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาที่ระดับ 10.5 ล้านบาร์เรล/วัน คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลงได้ต่อ มองยังเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GULF และ GPSC) ที่จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง มองเป็นโอกาสในการสะสมต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้ม กกพ. ปรับขึ้นค่า Ft. เดือน ก.ย.-ธ.ค. ’65 คาดเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของทิศทางตลาดหุ้นไทยโดดเด่นมากนัก ขณะที่เรายังมีความกังวลต่อการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวของที่ระดับราว 36.50 +/- บาท จากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ คาดจะกดดันทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง กดดันทิศทางหุ้นในกลุ่ม Big Cap. อีกทั้งคาดสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการของ บจ. ในตลาดฯ มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไร 2Q65 ยองกลุ่มจะออกมา –4.47% QoQ และ -1.44% YoY อย่างไรก็ตาม คาด BANK ขนาดใหญ่ อาทิ BBL, KBANK และ SCB ผลประกอบการคาดจะออกมาทรงตัว QoQ แต่ยังขยายตัว YoY คาดอาจมีแรงกลับเข้าซื้อหลังประกาศผลประกอบการได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังมีความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ โดยแนะนำติดตามการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แม้เราคาดว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวจะไม่เป็นการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ จากการจำนวนประชากรไทยที่ฉีดวัคซีนมากขึ้นจนมีภูมิคุ้มกันหมู่พอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH, CHG และ THG) ได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “BCH”

กลยุทธ์ แนวรับ 20.20 /19.80 Target 21.70 / 22.20 Stop <19.60

- Advertisement -