บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

IRPC (IRPC.BK/IRPC TB)*

ประมาณการ 2Q65F : PP ฉุดกำไร

Event

ประมาณการ 2Q65F

Impact

คาดว่ากำไรใน 2Q65F จะลดลง 19% YoY แต่เพิ่มขึ้น 147% QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ IRPC ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท (-19% YoY, +147% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะ spread ของปิโตรเคมีลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะ PP และ ABS เนื่องจากมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากในปี 2565 ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะ crack spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นดีขึ้น ซึ่งเราคาดว่า market GRM ของ IRPC จะเพิ่มขึ้นถึง 310% QoQ เป็น US$18.0/bbl ใน 2Q65F หลังจากที่ spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นเป็น US$35.0/bbl, US$39.2/bbl และ US$43.1/bbl ตามลำดับ เรายังคาดว่าอัตราการกลั่นจะเพิ่มขึ้น 3% QoQ เป็น 200KBD เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันในประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายข้อจำกัดในการคุม COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่ากำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีจะลดลง QoQ เนื่องจาก spread ของ PP ลดลง 7% QoQ เหลือ US$475/ton และ spread ของ ABS ลดลง 13% QoQ เหลือ US$934/ton โดย spread ของทั้งสองผลิตภัณฑ์อยู่ที่ระดับต่ำมากใน 2Q65 (ต่ำกว่า US$550/ton และ US$1,000/ton ตามลำดับ) เนื่องจากในปีนี้จะมีอุปทาน PP ใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดถึง 7.0MTA และมีอุปทาน ABS ใหม่ 2.0MTA ในปีนี้ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะบันทึก i) กำไรจากสต็อกน้ำมันลดลง 35% QoQ เหลือ 4.2 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้า และ ii) ผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 90% QoQ เป็น 6.0 พันล้านบาท เนื่องจาก spread ของน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565/66F ขึ้นอีก 74%/10%

ในบทวิเคราะห์กลุ่มพลังงานของเรา ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ IRPC ในปีนี้ขึ้นอีก 74% เป็น 8.2 พันล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 10% เป็น 6.0 พันล้านบาท เนื่องจาก market GRM ดีขึ้น โดยเราได้ปรับประมาณการ market GRM ของ IRPC ในปี 2565F ขึ้นจากเดิม 41% เป็น US$9.8/bbl และปี 2566F ขึ้นจากเดิม 17% เป็น US$7.9/bbl เนื่องจากเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลปีนี้เป็น US$22.0/19.0/21.0/bbl และปีหน้าเป็น US$16.0/16.0/16.0/bbl ตามลำดับ นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2565-66F ขึ้นจากเดิมที่ US$90/75/bbl เป็น US$100/85/bbl ดังนั้น เราจึงประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 179% เป็น 3.2 พันล้านบาท ในขณะที่คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านบาทในปีหน้า

Valuation & Action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H66 ที่ 3.50 บาท ลดลงจากเดิมที่ 4.20 บาท โดยอิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.0x เพื่อสะท้อนถึง discount 5% จากความเสี่ยงของนโยบายรัฐบาลในการขอให้โรงกลั่นช่วยอุดหนุนกองทุนน้ำมันตามความสมัครใจ ในขณะที่เรายังไม่ชอบ IRPC ในตอนนี้ เพราะ spread ของ PP ลดลงมาแรงในสัปดาห์ที่แล้วเหลือเพียง US$435/ton ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำถือ IRPC

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี รวมถึงการซ่อมบำรุงโรงกลั่นรอบใหญ่ใน 4Q65

- Advertisement -