บล.พาย:

SCC: บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยช่วง 2Q22

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 445 บาทอิง 13.7xPE’22E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปี แนะนำนักลงทุนสะสมเพื่อรับผลตอบแทน 4% และผลประโยชน์จากภาพรวมระยะยาวที่เป็นบวกมากขึ้น

คาดกำไรปกติ 2Q22 ปรับดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

  • ประเมินกำไรปกติ 2Q22 ที่ 9.2 พันล้านบาท ลดลง 46%YoY แต่โตขึ้น 19%QoQ การหดตัวลง YoY เป็นเพราะคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะลดลง 8ppts YoY เหลือ 16.2% สืบเนื่องจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ ส่วนในเชิง QoQ คาดโตขึ้น 0.4ppts QoQ จากอัตรากำไรเคมีภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น
  • ประเมินกำไรหน่วยธุรกิจเคมีภัณฑ์จะลดลง 63%YoY แต่โตขึ้น 8%QoQ ด้วยส่วนต่างราคาที่สูงขึ้น ขณะที่มองว่าทิศทางขาขึ้น QoQ เป็นผลจากส่วนต่างราคา PVC ที่แข็งแกร่ง (+41%QoQ) แม้ปริมาณและส่วนต่างราคาโพลีโอเลฟินส์เคลื่อนตัวช้าก็ตาม ในด้านส่วนต่างราคา HDPE และ PP-แนฟทาอยู่ที่ US$466/ตัน (+3%QoQ) และ US$445/ตัน (-7%QoQ)
  • คาดกำไรธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจะหดตัวลง 24%QoQ ฉุดลงจากอุปสงค์ซีเมนต์ที่ลดลงในช่วงฤดูฝนและเทศกาลสงกรานต์ ขณที่ประเมินรายได้ที่ทรงตัว QoQ จากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น แต่ถูกหักลบจากปริมาณที่หดตัวลง
  • ประเมินความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัว 12%QoQ ใน 2Q22 อิงคาดการณ์ GPM ที่ 17.4% (+0.3ppts QoQ) โดยมีธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียนเป็นตัวชูโรง หนุนจากราคาเยื่อกระดาษที่สูงขึ้น (+21%QoQ) ขณะที่คาดว่ารายได้จะปรับดีขึ้น 4%QoQ จากราคาและปริมาณที่ดีขึ้น

มุมมองระมัดระวังต่อภาพใน 2H22 แต่ยังอยู่ในเส้นทางการฟื้นตัว

เชื่อว่ากำไรปกติ 2H22 จะโต YoY จากฐานใน 2H21 อันเป็นผลสืบเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 และโต HoH จากปัจจัยตามฤดูกาล ยังคงมุมมองเชิงระมัดระวังต่อกลุ่มปิโตรเคมี เพราะการขยายกำลังการผลิตในหมู่ผู้ประกอบการจะมีน้ำหนักเหนือกว่าอุปสงค์ที่น่าจะไปกดดันราคาเคมีภัณฑ์ลง แต่คาดว่าส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์จะทรงตัวในระดับเดิม หนุนจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากการกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ และ upside จากการคลายล็อกดาวน์ในจีน ส่วนราคาขายเฉลี่ยในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์จะปรับเพิ่มต่อเนื่องตามต้นทุนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ บวกกับปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่จะได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ

รอดูศักยภาพทางมูลค่าของ SCGC ที่จะเกิดขึ้น

การทำ IPO หุ้น SCGC คืบหน้าไปตามแผนการที่จะจดทะเบียนในช่วง 2H22 โดยคาดว่าจะมีแรงขับเคลื่อนด้านกำไรจากการขยายกำลังการผลิตโครงการ LSP ในเวียดนาม คาดเริ่มดำเนินงานใน 1H23 ด้วยกำลังการผลิตโพลีโอเลฟินส์ปลายน้ำที่ 1.35 ล้านตันต่อปี (mtpa) ประกอบด้วย HDPE ที่ 0.45mtpa, LLDPE ที่ 0.5mtpa, และ PP ที่ 0.4mtpa

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ความสำคัญกับศักยภาพการทำกำไรระยะยาว

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 445 บาท อิง 13.7x PE’22E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปี แม้ภาพในระยะสั้นดูค่อนข้างท้าทายจากแรงกดดันของราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่แนะนำนักลงทุนสะสมเพื่อรับผลตอบแทน 4% และผลประโยชน์จากภาพรวมที่เป็นบวกมากขึ้นใน 2H22 และหลังจากนั้น

คาดกำไรปกติ 2Q22 ลดลง YoY แต่โตขึ้น QoQ

  • ประเมินกำไรปกติ 2Q22 ที่ 9.2 พันล้านบาท ลดลง 46%YoY แต่โตขึ้น 19%QoQ การหดตัวลง YoY เป็นเพราะคาดว่า GPM จะลดลง 8ppts YoY จากฐานสูงเหลือ 16.2% สืบเนื่องจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนในเชิง QoQ คาดโตขึ้น 0.4ppts QoQ จากอัตรากำไรเคมีภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น
  • ประเมินกำไรปกติหน่วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ 3.9 พันล้านบาท ลดลง 63%YoY แต่โตขึ้น 8%QoQ ด้วยส่วนต่างราคาที่สูงขึ้น
  • ขณะที่มองว่าทิศทางขาขึ้น QoQ เป็นผลจากส่วนต่างราคา PVC ที่แข็งแกร่ง (+41%QoQ) แม้ปริมาณและส่วนต่างราคาโพลีโอเลฟินส์เคลื่อนตัวช้าก็ตาม ปัจจุบันมีสมมติฐานปริมาณโพลีโอเลฟินส์ที่ 0.45 ล้านตัน (-9%QoQ) เพื่อรองรับการปิดซ่อมบำรุงตามกำหนดการ ในด้านส่วนต่างราคา HDPE และ PP-แนฟทาอยู่ที่ US$466/ตัน (+3%QoQ) และ US$445/ตัน (-7%QoQ)
  • คาดกำไรธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ 1.8 พันล้านบาท หดตัวลง 24% QoQ ฉุดลงจากอุปสงค์ซีเมนต์ที่ลดลงในช่วงฤดูฝนและเทศกาลสงกรานต์ ขณที่ประเมินรายได้ที่ทรงตัว QoQ ที่ 4.9 หมื่นล้านบาท จากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นแต่ถูกหักลบจากปริมาณที่หดตัวลง
  • ประเมินความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัว 12%QoQ ใน 2Q22 อิงคาดการณ์ GPM ที่ 17.4% (+0.3ppts QoQ) โดยมีธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียนเป็นตัวชูโรง หนุนจากราคาเยื่อกระดาษที่สูงขึ้น (+21%QoQ) ขณะที่คาดว่ารายได้จะปรับดีขึ้น 4%QoQ เป็น 3.82 หมื่นล้านบาทจากราคาและปริมาณที่ดีขึ้น

Revenue breakdown

  • ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี การผลิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่การผลิตโอเลฟินส์ต้นน้ำไปจนถึงการผลิตเม็ดพลาสติกหลักสามชนิดในขั้นปลายน้ำ ได้แก่ โพลิเอทิลีน โพลิโพรพิลีน และโพลีไวนิลคลอไรด์ บริษัทจัดจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในปี 2021 ยอดขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์คิดเป็น 45% ของยอดขายรวมของบริษัท
  • ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างคิดเป็น 32% ของยอดขายรวม ดำเนินการผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ ปูนขาว ปูนแห้ง กระเบื้องหลังคา แผ่นปูคอนกรีต กระเบื้องเซรามิก เครื่องสุขภัณฑ์และอุปกรณ์สุขภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศ
  • ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม) โดยบริษัทผลิตและจำหน่ายกระดาษและบรรจุภัณฑ์พลาสติก เยื่อกระดาษ เยื่อละลาย กระดาษพิมพ์ และกระดาษเขียน
- Advertisement -