PIMO กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง ประกาศปรับเป้ารายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4 พันล้าน หลังดีมานด์มอเตอร์ปั๊มน้ำล้นพุ่งต่อเนื่อง ตุนออเดอร์ล่วงหน้าเต็มมือ ทั้งรับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ทั้งได้ปัจจัยบวกจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เผยผลงานเข้าตากองทุนต่างชาติ จ่อคิวเจรจาขอเข้าร่วมลงทุน ระบุถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

 

นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มผลประกอบการยังคงมีทิศทางที่ดี หลังบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ ออสเตรเลีย ที่บริษัทส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ทั้งอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก และบริษัทยังได้ล็อกราคาต้นทุนวัตถุดิบไว้ที่ 32.5 ดอลลาร์สหรัฐ

“ต้นทุนวัตถุดิบที่ผ่านมาเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เช่น ทองแดง เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้วน่าจะเป็นราคาที่สูงสุดคือ 9,500 เหรียญต่อตัน หลังจากนั้นราคาได้ปรับลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 9,300 เหรียญต่อตัน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่วนวัตถุดิบที่จะปรับขึ้นบ้างเล็กน้อยคือซิลิคอน คือปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.50 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนไตรมาส 2 ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้ สำหรับภายนอกบริษัทยังไม่ได้ปรับขึ้น แต่ข้อมูลภายในองค์กรบริษัทประกาศปรับเป้าสูงขึ้นจากรายได้ 1,200 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดยจะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”

สำหรับสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากปั๊มน้ำหรือมอเตอร์สระว่ายน้ำ ซึ่งมีดีมานด์จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยลูกค้าของบริษัททั้ง 3 ราย ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ 1 เบอร์ 2 หรือเบอร์ 3 ปัจจุบันพึงพอใจกับการบริการและคุณภาพของสินค้า และลูกค้าทั้ง 3 รายต้องการให้บริษัทขยายกำลังการผลิตโดยรวมเป็น 500-600 ลูกต่อวัน ซึ่งบริษัทผลิตได้อยู่ที่ 140 ลูกต่อวันเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาหลักมาจากพาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ที่จะถูกจำกัดจากต่างประเทศ คือต่างประเทศไม่สามารถซัพพลายได้  บริษัทจึงแก้ไขปัญหาด้วยการหาพาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถหาได้เร็วขึ้นมาทดแทน ซึ่งหากสามารถแตกคอขวดในเรื่องดังกล่าวได้ จะทำให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้า และส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีธุรกิจอยู่ใน Blue Ocean โดยสินค้ามอเตอร์ชนิดพิเศษ (BLDC) มีคู่แข่งเพียง 2 รายเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังมีกระแสข่าวออกมาว่า ในปี 2567 โรงงานปั๊มน้ำทั้งหมดในออสเตรีย จะต้องเปลี่ยนจาก AC มาเป็น BLDC ทั้งหมด ดังนั้น จึงคาดว่า BLDC ยังเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีมากสำหรับบริษัทต่อไปในอนาคต

“PIMO ไม่ได้แข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว โดยบริษัทออกไปแข่งขันกับต่างประเทศ ซึ่งเดินหน้าปูธงเรื่องคุณภาพของสินค้าที่ดี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับเรื่องอินโนเวชั่น แทนที่จะสู้กันในเรื่องของราคา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกองทุนต่างประเทศหลายกองทุนให้ความสนใจที่จะมาลงทุนใน PIMO เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งจะทำให้การเจริญเติบโตของบริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน” นายวสันต์ กล่าว

******

- Advertisement -