Our View? “เขาดีด..เราต้องดีดบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Rebound” ยังมองแนวรับที่บริเวณ 1,530 / 1,515 และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 / 1,560 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังเมื่อคืนนี้ ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นแรงหลัง บจ. ในตลาดฯ เปิดเผยผลประกอบการแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้งเราคาดว่าตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลในประเด็นการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงระดับ 0.75% ในการประชุม FOMC วันที่ 26-27 ก.ค. นี้ สอดคล้องกับ CME FED Watch Tools ล่าสุดบ่งชี้ตลาดกลับมาให้น้ำหนัก FED จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ขณะที่ดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% และอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวในช่วงปีหน้า สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว ทำให้ Downside ในประเด็นดังกล่าว เริ่มลดลงบ้าง สอดคล้องกับ Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงล่าสุดอยู่ที่ระดับ 106.5+/- จากระดับสูงสุดก่อนหน้าที่ 109.3 พร้อม US Bond Yield เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง สะท้อนตลาดขายสินทรัพย์ปลอดภัย และมีแนวโน้มกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม คาดภาวะ Inverted Yield Curve ต่อเนื่องใน US Bond Yield รุ่นอายุ 2 ปี – 10 ปี สะท้อนตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในกลาง คาดยังเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง
ขณะที่สัปดาห์นี้แนะน่าติดตามการประชุม ECB ของธนาคารกลางยุโรป คาดจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกที่ระดับ 0.25-0.50% คาดจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรเริ่มฟื้นตัวขึ้นกดดันทิศทาง Dollar Index อ่อนตัวลงได้เพิ่มเติม ซึ่งคาดจะลดแรงกดดันของการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 104.22 ดอลลาร์/ บาร์เรล +1.62 ดอลลาร์ หรือ +1.58% ยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลภาวะอุปทานน้ำมันยังคงตึงตัวต่อไป โดย ตลาดคาดการณ์รัสเซียอาจไม่ส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 หลังจบสิ้นการซ่อมบำรุงท่อในวันที่ 21 ก.ค. นี้ มองเป็นปัจจัยเชิงบวกระยะสั้นหนุนทิศทางราคาพลังงาน-หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะสั้น เท่านั้น
สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวของทิศทางตลาดหุ้นไทยโดดเด่นมากนัก ขณะที่เรามีความกังวลต่อประเด็นรมว.พลังงาน แสดงความคิดเห็นถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. ’65 ตามที่ กกพ. คาดการณ์เบื้องต้นว่าอาจต้องปรับขึ้น 0.90-1.00 บาท/หน่วย นั้นยังมีความไม่แน่นอน คาดจะส่งผลกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) อ่อนตัวลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรามองยังเป็นโอกาสเข้าสะสมเมื่อราคาย่อตัวตามแนวรับสำคัญ จากแนวโน้มต้นทุนที่คาดจะเริ่มปรับลดลงตามราคาพลังงานที่เริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว
ทั้งนี้เรายังคาดตลาดอาจยังกังวลประเด็นธนาคารกลางเมียนมาออกค่าสั่งให้บริษัทและผู้กู้ยืมเงินรายย่อยให้ระงับการชำระคืนหนี้เงินกู้ต่างประเทศไว้ก่อน ตามมาตรการปกป้องทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลง แม้คาดว่าอาจไม่กระทบต่อพื้นฐานของบริษัทที่ประกอบกิจการในเมียนมาอย่างมีนัยยะ แต่คาดเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้บ้างอาทิ CBG, OSP และ MEGA อีกทั้งคาดตลาดยังให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการของ บจ. ในตลาดฯ มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดว่ากำไร 2Q′65 ของกลุ่มจะออกมา -4.47% QoQ และ -1.44% YoY อย่างไรก็ตาม คาด BANK ขนาดใหญ่ อาทิ BBL, KBANK และ SCB ผลประกอบการคาดจะออกมาทรงตัว QoQ แต่ยังขยายตัว YoY คาดอาจมีแรงกลับเข้าซื้อหลังประกาศผลประกอบการได้บ้าง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “MTC”
กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 44.00 / 43.00 Target 47.00 1 49.50 Stop <42.75