KS Daily View 20.07.2022 > ตลาดหุ้น US/น้ำมันดิบ Rebound คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นเอเซียและไทยในวันนี้ SET วันนี้คาด 1530-1550 จุด หุ้นแนะนำ ASIAN
ต่างประเทศ : ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะ Risk-on (ฝั่งสหรัฐดัชนี Dow jones +2.4%DoD, ดัชนี S&P500 +2.76%DoD, Nasdaq+3.1%DoD ฝั่งยุโรป ดัชนี DAX+2.7%DoD ฯลฯ) โดยมีปัจจัยหนุนจาก ล่าสุดมีข่าวว่ายุโรปเตรียมจะปลดล๊อก Sanction ให้กับแบงค์รัสเซียเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าอาหาร,ปุ๋ย และเมื่อคืนมีข่าวว่าระดับก๊าซในท่อส่ง Nord Stream 1 ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากมีการทดสอบความดันในท่อก่อนที่การซ่อมบำรุงจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ก.ค. ช่วยลดความกังวลต่อภาวะวิกฤตพลังงานในยุโรป และถือเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางการลงทุนโดยรวม ทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์อ่อนค่าติดต่อกัน 3 วันมาอยู่ที่ 106.68 (-0.7% DoD) เป็นปัจจัยบวกต่อ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดที่ US$107.35/bbl (+1% DoD) ปรับขึ้นติดต่อเป็นวันที่ 3 Sentiment บวกต่อหุ้นพลังงาน อาทิ PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นแนะนำเพียง Trading อย่างไรก็ตามระยะกลางถึงยาว KS ยังชื่นชอบ ต่อหุ้นในกลุ่ม Anti Commodity อาทิ PTG, SCGP, BGRIM, GPSC, GULF มากกว่าเชื่อว่าราคาพลังงานได้ผ่านจุด Peak ไปแล้ว ประเมินทิศทางราคาพลังงานยังเป็นแกว่งตัวลง ส่วนประเด็นอื่นๆในช่วงที่เหลือของสัปดาห์เชื่อว่าตลาดยังติดตาม คือ การรายงานผลประกอบการ(Earning Season) เริ่มจากฝั่งสหรัฐรายงานงบล่าสุด หุ้น J&J กำไรและรายได้ 2Q22 ออกมาดีกว่า Consensus คาด ฯลฯ, รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสำคัญ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป ECB ตลาดคาดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% มากกว่าเดิมที่คาดว่าจะขึ้น 0.25% เพื่อชะลอเงินเฟ้อ ในการประชุมในวันพฤหัสบดี คาดจะทำให้เงินยูโรต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และในวันเดียวกันผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1%
อีกประเด็น คือ เมียนมาร์ออกมาตรการควบคุมเงินทุนไหลออก เพื่อป้องกันทุกสำรองที่ลดลง โดยเมื่อวานเรามีการจัดงาน KS Expert Series เราเชิญคุณกริช อึ๊งวิฑูรย์สถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา มาพูดคุย โดยรวมสรุป KS ประเมิน ณ. ตอนนี้ บริษัทไทยได้รับผลกระทบจำกัด เริ่มจาก PTTEP จะไม่ได้รับผลกระทบเพราะ PTT จ่ายค่าก๊าซผ่าน onshore account ของ PTTEP, MEGA คาดว่าขายสินค้าผ่านการซื้อขายข้ามพรมแดนโดยใช้สกุลเงินบาทหรือจ๊าด แม้เครื่องดื่มที่ให้ความหวานทั้งหมด (เช่น เครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์) ถูกห้ามซื้อขายและอนุญาตให้ส่งออกผ่านการขนส่งทางเรือหรือชำระเงินในสกุลเงินจ๊าด), CBG ไม่ได้รับผลกระทบเพราะผู้จัดจำหน่ายสามารถบริหารการซื้อขายสกุลเงินบาทได้, OSP โรงงานตั้งอยู่ในเมียนมาและบริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ BH BDMS ชาวเมียนมายังอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศสำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์
ในประเทศ : ประเด็นสำคัญตลาดยังติดตาม
1.) ค่าเงินบาท (USD/THB) ล่าสุด อ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี แกว่งบริเวณ 36.5-36.7 บาทเทียบกับต้นปี 1 ม.ค.เงินบาทอยู่ที่ 33.3 บาท หรืออ่อนค่าราว 9.6%ytd ตามมุมมองที่ KS เคยกล่าวเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นผลมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของต่างประเทศที่สูงกว่าของไทย, และ ธนาคารแห่งประเทศไทยล่าสุดให้ความเห็นว่าจะปล่อยให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด ไม่มีการแทรกแซง KS ยังคงกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทสัปดาห์นี้บริเวณ 36.30-37.1 บาท ทิศทางเงินบาทที่อ่อนเป็นผลลบต่อ Flow ต่างชาติ แต่จะบวกต่อภาคส่งออก ยังชื่นชอบหุ้นส่งออกอาหาร อาทิ ASIAN, CPF และ หุ้นท่องเที่ยว CENTEL, SHR
2) วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ระยะเวลาถึงวันที่ 23 ก.ค.
3.) การประกาศงบของกลุ่มธนาคารวันนี้ 3 บริษัทเริ่มจาก BAY (7,134 ลบ. -3.8% QoQ, -50.9% YoY), BBL (6,660 ลบ. -6.4% QoQ, +4.8% YoY), TTB (2,682 ลบ. -16.0% QoQ, +5.9% YoY)
Theme แนะนำลงทุนหลัก แนะนำ:
1.) กลุ่ม Anti commodity แนะนำ CBG, OSP, RBF, CPF, TOA, SCGP BGRIM, GPSC, GULF และ PTG)
2.) กลุ่ม Tech consults อาทิ BE8,BBIK, IIG
3.) กลุ่มการเงิน MTC
กองทุน KS แนะนำนักลงทุนทยอยสะสม กองทุน SSF ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ถือเป็นจังหวะที่ดี เมื่อเทียบกับภาวะปกติที่นักลงทุนมักจะซื้อปลายปี โดยเน้นไปที่กองทุน SSF ที่เน้นหุ้นกลุ่ม Growth และกลุ่ม Technology เนื่องจากคาดจะได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำลงเพราะ Fed มีโอกาสจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566 เพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอิงดัชนีหุ้น Tech อาทิ Nasdaq ปรับฐานลงมาเยอะราว 30% ตอบรับข่าวร้ายเรื่องดอกเบี้ยไปมากแล้ว โดยแนะนำกองทุน SSF คือ 1.) K-Change-SSF มีสัดส่วนลงทุนในบริษัท Biotech และบริษัท Tech อื่นๆ อาทิ TESLA, MODERNA, TSMC 2.)กองทุน K-USA-SSF มีสัดส่วนการลงทุนใน Sector IT สูงราว 45% ถัดมากลุ่มCommunication Service 21.6% ฯลฯ
มุมมองตลาดหุ้น SET วันนี้คาด 1530-1550 จุด หุ้นแนะนำ ASIAN
Top pick :
ASIAN (ราคาพื้นฐาน 19.8 บาท) 1.) เราคาดกำไรงวด 2Q22 อยู่ที่ 258 ลบ. (-12%YoY แต่ +3.8%QoQ) โดยลดลงเชิง YoY จาก GPM ที่ลดลง ส่วน QoQ เพิ่มขึ้นจากการปรับราคาทำให้ GP ดีขึ้น อย่างไรก็ตามคาดกำไรจะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ ต่อในงวด 3Q22 จากการขยายกำลังผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งที่สูงตามฤดูกาลและเงินบาทที่อ่อนค่า 2.) ส่วนการจดทะเบียนบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์ฯ จำกัด (AAI) บริษัทลูกที่ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและปลาทูน่ากระป๋อง ยังดำเนินการตามแผนภายในสิ้นเดือน ต.ค.65 3.) เงินบาทอ่อนค่าเป็น Sentiment ต่อหุ้นส่งออก โดยเงินบาทที่อ่อนค่าทุกๆ 1 บาท จะส่งผลบวกต่อ Bottom line ของ ASIAN +15%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนคือ Loan Prime rate 1 ปี และ 5 ปี คาดคงดอกเบี้ยที่ 3.7% และ 4.45% ตามลำดับ ดัชนี PPI ของเยอรมันเดือน มิ.ย. คาด +1.1% MoM และ 33.9% YoY อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน มิ.ย. คาด +0.7% MoM และ +9.2% YoY ตัวเลข Existing homesales ของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. คาด -0.6% MoM เป็น 5.38 ล้านยูนิต และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดุลการค้าของญี่ปุ่นเดือน มิ.ย. คาด -1.509 ล้านล้านเยน (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.385 ล้านล้านเยน) ผลการประชุมของ BOJ คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% ผลการประชุมของ ECB คาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps. เป็น -0.25% สำหรับ Deposit Facility Rate และตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ คาด 240K เทียบสัปดาห์ก่อนที่ 244K
- วันศุกร์ ตัวเลขดุลการค้าของไทยเดือน มิ.ย. คาด -1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน มิ.ย. คาด +0.2% MoM และ +2.6% YoY ตัวเลข Retail sales ของอังกฤษเดือน มิ.ย. คาด -0.4% MoM และ -5.3% YoY ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของยูโรโซนเดือน ก.ค. คาด 51 จุด (-2.1% MoM) และตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯเดือน ก.ค. คาด 52 จุด (-1.3% MoM)